“ผบ.ทบ.” เผยนายกฯ เรียกประชุมหน่วยมั่นคงถกความคืบหน้ามติคุ้มครองพระวิหารศาลโลก ยันไทย-เขมรอยู่กันสงบดี ชี้ปฏิบัติตามคำสั่งเป็นเรื่องอนาคต ย้ำประท้วงเพื่อนบ้านสร้างถนนบนเขตพิพาทหลายรอบแล้ว ชี้ต้องคุยกันเพิ่ม สงบปากสงบคำ ถ้าโต้ทุกดอกไม่มีวันจบ บอกทะเลาะกันอย่างนี้ไม่รู้จะไปประชาคมอาเซียนยังไง
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกหน่วยความมั่นคงประชุมร่วมกันที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง สภาความมั่นคงแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม รมว.ต่างประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งรายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติตามมติคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก เป็นการหารือในรายละเอียดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบันมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมประชุมเป็นคณะทำงานที่ดูแลด้านกฎหมาย ขณะนี้ยังไม่ถึงห้วงเวลาที่จะซีเรียสอะไรว่าจะตัดสินหรือไม่ ซึ่งกองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพบก รวมถึงเหล่าทัพได้ชี้แจงไปว่าทำหน้าที่ของเรา และในเขตอธิปไตยของไทย ทางกัมพูชาก็ดำเนินการของฝั่งกัมพูชา ไม่มีการละเมิดซึ่งกันและกัน ยังอยู่ด้วยความสงบ และสันติสุข
“การปฏิบัติการมาตรการคุ้มครองชั่วคราวเป็นเรื่องของอนาคต และไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ทำโดยทันที ขณะนี้มีคณะทำงานฯ (Joint working group) ที่มีเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยดูแล เพื่อพูดคุยมาตรการการปรับกำลังกับฝ่ายกัมพูชา ที่มี รมช.กลาโหมของเขาร่วมประชุม ซึ่งคงจะมีการประชุมครั้งที่สองในเร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็มีการพูดคุยว่าทั้งสองประเทศมุ่งไปสู่การปฏิบัติการที่ทำให้ชายแดนเราสงบเรียบร้อย ไม่มีการสู้รบซึ่งกันและกัน อย่าพูดว่าถอนหรือไม่ถอน ว่าเป็นการแพ้หรือชนะ มันจะมีผลได้ผลเสีย จะทำให้เป็นกังวลกับคนที่ทำหน้าที่ต่างๆ เรานี้อยู่ ทางทหารมีความพร้อมดูแลอธิปไตยตามคำสั่งทุกอย่างที่ออกมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
สำหรับกรณีที่กัมพูชายังคงละเมิดเอ็มโอยู 43 สร้างถนนในพื้นที่พิพาทนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถนนเส้นนี้มีมาตั้งแต่การสู้รบของเขมร 3 ฝ่าย โดยใช้ในการส่งกำลังบำรุง ลักษณะเป็นถนนลูกรัง หรือถนนตามภูมิประเทศ เมื่อสถานการณ์สู้รบยุติ ถนนก็ยังอยู่แต่ก็ชำรุดไปตามกาลเวลาจึงมีการซ่อมแซม ลาดยาง เราก็ได้ประท้วงไปหลายครั้งเพราะอยู่ในพื้นที่พิพาท แต่ไม่ใช่ว่าเขาสร้างแล้วเราต้องสร้างในฝั่งเรา เขาก็อาจจะถือว่าเป็นฝั่งเขาก็ได้ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาก็ประท้วงไป แต่ถ้าสร้างข้างล่างก็เรื่องของเขา เราก็สร้างข้างล่างของเราเหมือนกัน ไม่ได้เป็นการโต้ตอบซึ่งกันและกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการยั่วยุและจะทำให้ปัญหาเดิมพอกพูนไปเรื่อยๆ
“ผมคิดว่าต่อไปนี้ต้องมีการพูดคุยกันมากขึ้น และแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ไทยกับกัมพูชาก็เป็นมิตร เป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาโดยตลอด เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันบ้าง ถึงวันนี้ก็ต้องสงบปากสงบคำกันไว้บ้าง ถ้าตอบโต้กันทุกดอกก็ไม่มีวันจบ แล้วประเทศก็ติดกันคงแยกย้ายกันไม่ได้ ประเด็นที่สำคัญที่มีการพูดคุยกัน คือ การเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในอีก 2 ปีข้างหน้า หากทะเลาะกันอย่างนี้ก็ไม่รู้จะไปกันอย่างไรเหมือนกัน แต่ผมก็ให้สัญญาว่าทหารก็จะทำหน้าที่ของทหารให้ดีที่สุดแล้วกัน ไม่ใช่ท้าทาย ก้าวร้าว รุนแรง แต่ทำหน้าที่ของทหาร ซึ่งในการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีไม่มีการให้กำลังใจอะไรเป็นพิเศษ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยดี หลักๆ เป็นกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนทหารจะตอบในฐานะผู้ปฏิบัติ ซึ่งจะมีการประชุมต่อในช่วงบ่าย และคงจะมีการสรุปกัน” ผบ.ทบ.กล่าว