“ยิ่งลักษณ์” ประชุม ครม.สั่ง ก.แรงงาน-สาธารณสุข ดูมาตรฐานโรงงาน สวัสดิภาพความปลอดภัยผู้ใช้แรงงาน มอบ ก.อุตสาหกรรมร่วม ปภ.บูรณาการในแผนเผชิญเหตุภัยพิบัติ ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปดูปริมาณรับจำนำข้าว พร้อมผลักดันให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางส่งออกอาหารฮาลาล
วันที่ 8 พ.ค. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายอนุสรณ์กล่าวถึงกรณีการรับจำนำข้าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ไปดูปริมาณรับจำนำข้าวว่าเป็นไปตามผลสัมฤทธิ์หรือไม่ รวมถึงไปดูเรื่องกำลังการผลิตทางการเกษตรว่าผลิตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้หรือไม่ และมีความเสียหายจากการผลิตข้าวหรือไม่ โดยรัฐบาลจะต้องไปคุ้มเข้มและไปดูในเรื่องของการรับซื้อหรือการรับจำนำ ตลอดจนการระบายข้าว ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ทั้งหมดตกอยู่กับประชาชนและเกษตรกรให้มากที่สุด และให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายรับจำนำข้าวรายงานให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.รับทราบเป็นระยะ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปรวบรวมผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี และไปดูในส่วนของผลงานเร่งด่วนว่ามีผลสัมฤทธิ์เพียงใด และเกิดผลกระทบอย่างไร รวมทั้งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณไปดูในเรื่องของความคุ้มทุนและคุ้มค่าของแต่ละนโยบายที่รัฐบาลจะได้ทำ โดยนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า ขอให้ไปดำเนินการโดยเร่งด่วนให้ได้ข้อสรุปผลวิเคราะห์ในเรื่องดังกล่าวภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีการแถลงผลงานตามนโยบายรัฐบาล
นายอนุสรณ์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้แจ้งที่ประชุม ครม. และมีบัญชาในหลายเรื่อง โดยเรื่องแรกคือ กรณีเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงงานของบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด และเหตุการณ์ก๊าซคลอรีนรั่วไหลจากโรงงานบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ในช่วงบ่ายของเมื่อวานที่ผ่านมา (5 พ.ค. 55) โดยนายกรัฐมนตรีได้ฝากว่า กรณีการเกิดเหตุการณ์ก๊าซคลอลีนรั่วไหลจากโรงงาน บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด นั้น พบว่าบริษัทดังกล่าวเคยมีปัญหาในการปล่อยให้เกิดก๊าซรั่วไหลมาแล้วในอดีต ทั้งปี 2551 หรือ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อมีข้อผิดพลาดในการดำธุรกิจ เหตุใดจึงสามารถได้รับการต่อใบอนุญาตได้ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม ไปวางมาตรการใหม่และเน้นย้ำว่าจากนี้ไปภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลชุดนี้ เราจะสร้างมาตรฐานเป็นโรงงานปลอดภัย และชุมชนอยู่ร่วมได้ นั่นหมายความว่ากระทรวงอุตสาหกรรมและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องไปกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันที่จะออกเป็นมาตรการในการสร้างมาตรฐานให้โรงงานมีความปลอดภัย และชุมชนที่อยู่บริเวณโดยรอบโรงงานสามารถอยู่ได้ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุขต้องไปดูแลประชาชน ควบคู่ไปกับกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้ จากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทั้งกรณีธรณีพิบัติภัย และเกิดแผ่นดินไหวบริเวณเกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย ที่ผ่านมา (11 เม.ย. 55) นั้น นายกรัฐมนตรี ได้ถือเอาจังหวะที่เกิดเหตุดังกล่าว มาดูในเรื่องของการบูรณาการในแผนเผชิญเหตุ และเหตุการณ์กรณีที่เกิดขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดก็เช่นกัน นายกรัฐมนตรีได้พบว่ามีจุดที่ควรจะรับการพัฒนาอีกมาก เช่น ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ แผนปฏิบัติการเผชิญเหตุจะต้องมีลำดับขั้นตอนอย่างไรบ้าง ในแต่ละขั้นตอน ซึ่งปัญหาที่เกิดและเห็นชัดเจนมากในครั้งนี้ก็คือ การที่มีข้อมูลออกมาแล้วเกิดความคลาดเคลื่อนสับสนกับประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น นายกรัฐมนตรี จึงได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม ไปทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อย่างเป็นไปในทิศทางเดียวกันและมีความเป็นเอกภาพ ในกรณีที่เมื่อจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตามแต่ ต้องตั้งศูนย์ข้อมูลในพื้นที่ หรือที่ศากลางจังหวัด เพื่อดูแลประชาชน และต้องเชื่อมโยงกับชุมชน ขณะเดียวกันต้องมีหน่วยงานในการประมวลบูรณาการข้อมูลในพื้นที่
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียังได้พิจารณาและมองไปถึง กบอ.และ กนอช. ที่จะเป็นศูนย์บริหารจัดการข้อมูลแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ โดยในเรื่องของแผนเผชิญเหตุที่เป็นเรื่องสาธารภัยจะต้องได้รับการบูรณาการและมีการฝึกซ้อม โดยจะต้องทบทวนแผนในการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมหรือโรงงาน จะต้องฝึกซ้อมหรือทบทวนแผนฯ อย่างน้อย 3 เดือนต่อหนึ่งครั้ง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงกรณีอุบัติเหตุของคนงานที่ขึ้นไปติดตั้งป้ายโฆษณาด้านนอกตึกใบหยก 2 แล้วตกลงมาจากชั้น 68 โดยได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปดูแลเรื่องสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้แรงงาน และให้กระทรวงแรงงานรายงานเข้ามาว่ากรณีเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวนั้นมีความผิดพลาดจากเรื่องอะไร ซึ่งความจริงได้มีรายงานในเบื้องต้นจากพนักงานสอบสวนโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เกิดจากกระเช้าที่ใช้ในการทำงานรับน้ำหนักไม่ไหว แต่อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานได้เข้าไปดูมาตรการในการช่วยและป้องกันไม่เหตุในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ในวันเดียวกันนี้ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อคณะกรรมการพัฒนาสตรีภาคใต้ว่า การรับสมัครตัวแทนสตรีเข้ามาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสตรีเพื่อต้องการทราบข้อมูลในเชิงลึกถึงความต้องการของสตรี และเพื่อทำหน้าที่ในการเสนอความคิดเห็น ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสตรีในแต่ละพื้นที่ และขับเคลื่อนนโยบายให้ประสบความสำเร็จเกิดประโยชน์ต่อสตรีมากที่สุด สำหรับกลไกของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยขอความร่วมมือให้สตรีทุกคนช่วยกันสอดส่องดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปเพื่อสตรีโดยแท้จริง
สำหรับงบประมาณในการดำเนินการแบ่งออก 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ใช้ในการบริหารจัดการในท้องถิ่นจากตัวแทนในท้องถิ่นในรูปแบบของคณะกรรมการ ในการพิจารณางบประมาณให้กับกลุ่มสตรีที่เสนอโครงการในการดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อสตรี ส่วนที่ 2 กลุ่มที่ดูภาพรวมและอนุมัติงบประมาณให้ดำเนินการจากงบประมาณในท้องถิ่น และส่วนที่ 3 คือ ส่วนกลางในการขับเคลื่อนงาน ดูในภาพรวมด้านกฎหมายต่อสิทธิสตรี และอื่นๆ เพื่อการบริหารจัดการของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้ประสบความสำเร็จ
สำหรับข้อเสนอที่ต้องการให้ประธานสตรีจังหวัดเข้าไปเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอรับไปพิจารณา พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลต้องการผู้ที่มีความรู้และทำงานด้านสตรีมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี โดยจะทำการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิจากระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด เพื่อคัดเลือกให้ได้ตัวแทนระดับภาค เพื่อเป็นตัวแทนระดับประเทศต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ยังไม่ได้ระบุให้ประธานสตรีจังหวัดเข้าไปเป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนั้น เพราะไม่แน่ใจว่ากลุ่มสตรีทั่วประเทศมีกี่กลุ่ม ต้องขอความร่วมมือกลุ่มสตรีในการเสนอข้อมูล เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน พร้อมกล่าวเน้นย้ำว่า “ทุกอย่างต้องการให้เป็นไปตามกลไกของกลุ่มสตรีตามความต้องการของสตรีจริงๆ” ซึ่งต้องการให้กลุ่มตัวแทนสตรีมาช่วยกันเขียนแผนการทำงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เพราะตัวแทนสตรีในพื้นที่เป็นผู้รู้ปัญหา และความต้องการของสตรีมากที่สุด เพื่อให้แผนการดำเนินงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีเป็นที่ยอมรับของสตรี เกิดประโยชน์ต่อสตรีอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ แผนการดำเนินการคัดเลือกตัวแทนสตรี ยังเดินหน้าตามแผนที่ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปแล้ว โดยในวันที่ 3 มิถุนายน 2555 จะมีการคัดเลือกตัวแทนระดับตำบล และคัดเลือกตัวแทนจังหวัดในวันที่ 17 มิถุนายน 2555 ต่อไป เพื่อให้ได้คณะกรรมการทำหน้าที่แทนสตรีทั่วประเทศ จึงขอให้สตรีทุกคนช่วยกันคัดเลือกสตรีในแต่ละพื้นที่เป็นตัวแทนในการทำงาน
สำหรับ กลุ่มสตรีภาคใต้ที่รวมกลุ่มทำอาหารฮาลาลนั้น ในการเดินทางเยือนประเทศตะวันนออกกลางอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 13-16 พฤษภาคมนี้ นายกรัฐมนตรีจะหารือถึงมาตรฐานของอาหารฮาลาล และนำมาปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน โดยจะผลักดันให้ภาคใต้เป็นศูนย์กลางในการส่งออกอาหารฮาลาลต่อไป