ผ่าประเด็นร้อน
แน่นอนว่าหลังจากสิ้นเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป หลังจากที่พวกบ้านเลขที่ 111 ที่เคยติด “โทษแบน” การเมือง 5 ปีครบกำหนดพ้นโทษออกมาโชว์ตัวข้างหน้าได้อย่างเต็มที่เสียที มันก็ย่อมทำให้บรรยากาศการเมืองเริ่มคึกคักขึ้นไม่ได้น้อย โดยเฉพาะบรรยากาศภายในพรรคเพื่อไทยที่รับรองว่าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันพอสมควร เนื่องจากคนพวกนี้เคยอยู่หัวแถวมาก่อน ที่สำคัญยังเป็น “หัวหน้ากลุ่มก๊วน” เป็นกลุ่มทุนที่แม้ว่าเคยมาอิงแอบอยู่กับ ทักษิณ ชินวัตร แต่ที่ผ่านมาก็ถือว่าร่วมลงขันจุนเจือภายในพรรคมาโดยตลอด
ที่ผ่านมาต้องบอกว่า “หากิน” ด้วยตัวเอง รวมทั้งเลี้ยงดู ส.ส.ในกลุ่ม มีพลังส่วนตัวได้เหมือนกัน ส่วนจะมีจำนวน ส.ส.สมาชิกมากน้อยแล้วแต่ศักยภาพส่วนบุคคล แตกต่างกันไป
เมื่อได้เวลาออกมายืนอยู่บนเวทีเต็มตัว ถึงเวลาแสดงเองไม่ต้องผ่านตัวแทนเหมือนแต่ก่อน รับรองว่าบรรยากาศก็ต้องสนุกสนานเป็นธรรมดา
วันก่อน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะแย้มออกมาให้เห็นว่าอีกไม่นานนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกรอบ แม้ว่าไม่ได้ยอมรับตรงๆ ว่าเป็นการรองรับพวกบ้านเลขที่ 111 ก็ตาม แต่ในวงการก็รับรู้กันอยู่แล้ว และตามธรรมเนียมของ “ระบอบทักษิณ” จะมีการปรับหมุนเวียนกันไปทุก 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ซึ่งมีเหตุผลหลายอย่าง นอกเหนือจากเป็นการเกลี่ยเก้าอี้ผลัดเปลี่ยนกันไปแล้วยังมีเรื่องของการ “เพิ่มตัวเลข” การประมูลตำแหน่งสร้างรายได้ให้กับ “เจ้าของพรรค” ได้อีกด้วย
คราวนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน การปรับคณะรัฐมนตรีต้องเกิดขึ้นแน่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อาจจะไม่เกิดขึ้นแบบกะทันหัน เช่น พอสิ้นเดือนพฤษภาคมปุ๊บต้องปรับให้พวก 111 เข้ามาปั๊บ อาจต้องใช้เวลาอีกนิดหน่อย เพื่อให้ทุกอย่างลงตัว แต่ปัญหาก็คือการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้น่าจะเกิดแรงกระเพื่อมภายในแรงกว่าทุกครั้ง เพราะอย่างที่ระบุไปแล้วว่า คนพวกนี้เคยเป็นตัวจริงก็ต้องมาทวงเก้าอี้คืน ขณะที่พวกที่นั่งอยู่ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่เป็น “ตัวสำรอง” ไล่ลงมาตั้งแต่นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาจนถึง หัวหน้าพรรค คือ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รวมไปถึงบรรดารัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็ต้องลุกออกไป
อย่างไรก็ดี ปัญหาก็คือ เมื่อตัวสำรองที่เริ่มติดลมกับอำนาจอันหอมหวานไปไหนมีแต่คนคอยพินอบพิเทากำลังเคลิบเคลิ้ม มันก็ย่อมมีอาการแข็งขืนกันบ้าง
แน่นอนว่าการปรับคณะรัฐมนตรีย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ และแน่นอนว่าพวกบ้านเลขที่ 111 จะต้องเข้ามาแน่ ส่วนจะมากน้อยแล้วแต่สถานการณ์ในตอนนั้น แต่ที่น่าจับตาไม่น้อยกว่ากันก็คือความเคลื่อนไหวภายในรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะแรงกดดันที่จะเกิดขึ้นโดยมีแรงกระแทกไปถึงทักษิณ ชินวัตร และถ่ายทอดลงมาถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยตรง
ต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมาการฟอร์มคณะรัฐมนตรีในแต่ละครั้ง ล้วนอยู่ในโควตาแบ่งสรรปันส่วนกันเฉพาะภายในหมู่เครือญาติของทักษิณทั้งสิ้น ทั้ง “สายเจ๊” คนนั้นคนนี้ น้องชายน้องสาว สายอดีตเมีย หรือแม้แต่ล่าสุดก็เริ่มมีสายของยิ่งลักษณ์เข้ามาสมทบ นอกเหนือจากสายตรงของทักษิณ จากต่างแดนที่ถือว่าเป็นสายหลัก แต่เชื่อว่าการปรับคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะเกิดขึ้น อิทธิพลดังกล่าวจะต้องกระจายออกไปให้กับกลุ่ม “ตัวจริง” ที่จะเรียงหน้าเข้ามา
ขณะเดียวกัน จากปัญหาสารพัดที่เริ่มรุมเร้าเข้ามาสู่รัฐบาล ทำให้ชาวบ้านเริ่ม “ตาสว่าง” ปัญหา “แพงทั้งแผ่นดิน” เดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า ปัจจัยดังกล่าวนี่แหละที่เป็นแรงกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในทีมเศรษฐกิจ และที่ผ่านมาแม้ว่าจะเป็นสายตรงจากทักษิณ แต่ก็ถือว่ายิ่งลักษณ์ต้องรับรู้ด้วย เนื่องจากต้องเข้ามาทำงานแทนทุกเรื่อง ซึ่งบรรยากาศดังกล่าวก็ย่อมเปลี่ยนไป บทบาทจะเบนไปอีกทางหนึ่ง แม้แต่การรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จของทักษิณ ที่เริ่มถดถอยทุกทางดังกล่าว มันก็ย่อมทำให้การสั่งซ้ายหันขวาหันทำได้ไม่เต็มร้อย ตรงกันข้ามการเคลื่อนไหวทั้งด้านการเมืองและมวลชนต้องทำผ่านคนอื่นมากขึ้น ที่สำคัญบทบาทของมวลชนแดง รวมทั้ง “หัวโจก” ก็จะเริ่มลดลงเรื่อยๆ แต่จะมาในรูปแบบการเมืองแบบ “การตลาด” ที่หวังผลระยะยาวได้มากกว่า
การประสานงานก็จะเปลี่ยนไป การหักมุมทางการเมืองก็เริ่มพลิกกลับมาเป็นตรงกันข้าม เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ พลังต่อรองของทักษิณที่เริ่ม “ขาลง” ในทุกด้าน ทำให้พลังที่ตัวเองเคยควบคุมได้ก็เริ่มถดถอยลง และแน่นอนว่าต้องส่งผ่านมาถึงนายกรัฐมนตรี “โคลนนิ่ง” อย่างยิ่งลักษณ์ แบบเลี่ยงไม่ได้ และถ้าจะว่ากันไปแล้ว สภาพที่เป็นอยู่ดังกล่าวส่วนสำคัญที่สุดย่อมมีสาเหตุมาจากความไม่เอาไหนของ “น้องสาว” ตัวเองนั่นแหละ เพราะถ้าลองนึกภาพดูว่าเธอสามารถ “เอาอยู่” มีความเป็นผู้นำ พอมีวิสัยทัศน์ติดอยู่บ้างไม่ใช่เป็น “ตัวตลก” อย่างที่เป็นอยู่ แน่นอนว่า ความมั่นคงและพลังของทักษิณ และตัวเธอจะมากกว่านี้ และไม่ว่าใครก็ไม่มีทางโยกคลอนได้ แต่เมื่อผลออกมาเป็นตรงกันข้าม มันก็ย่อมสะเทือนไปไกล
ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะพวกตัวจริงกำลังมาจ่อกดดันอยู่หน้าประตูบ้าน แต่ความหมายก็เพียงแค่ขอแบ่งปันให้เจือจานมาถึงบ้าง ขณะเดียวกันก็ถึงเวลาที่ครอบครัวของทักษิณจะต้องสละบางอย่างออกไปเพื่อแลกกับการรักษาอิทธิพลส่วนใหญ่เอาไว้!!