ผ่าประเด็นร้อน
ส่งสัญญาณออกมาจากปากของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย้ำอีกครั้งว่ายังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงนี้ ซึ่งสอดคล้องกับคำแถลงของคนในพรรคเพื่อไทยที่ระบุสอดรับกันว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะเกิดขึ้นหลังเดือนกรกฎาคมไปแล้ว ความหมายก็คือหากจะปรับก็ต้องให้รัฐบาลชุดนี้อายุครบ 1 ปี เสียก่อน
ขณะเดียวกันยังเป็นการสกัดความเคลื่อนไหวของพวก ส.ส.และพวกบ้านเลขที่ 111 ที่กำลังจะพ้นโทษแบนออกมาอย่างเต็มตัวในปลายเดือนพฤษภาคมลงได้ชั่วคราว และยังเป็นสยบแรงกระเพื่อมปล่อยข่าวทำลายกันเองจนส่งผลสะเทือนไปถึงรัฐบาลอย่างไม่คาดหมาย เพราะที่ผ่านมาข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อรองรับ “ขาใหญ่” ดังกล่าวทำให้เกิดรายการวิ่งเต้น ปล่อยข่าวทำลาย สกัดกั้นกันทุกวิถีทางจากพวกเดียวกันเองในพรรคเพื่อไทย ที่หลายคนกำลังรอคิวเข้ามานั่งเก้าอี้ดนตรีมีวาสนาได้เป็นอำมาตย์สักครั้งในชีวิต แต่เมื่อกำลังจะพลิกผันไปทางอื่นเป็นใครก็ต้องขัดขวางสุดชีวิต
หากพิจารณาจากสภาพภายในพรรคเพื่อไทยเวลานี้ ต้องยอมรับว่ามีการแบ่งออกเป็นหลายก๊ก เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีคนในครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งตัวเป็นหัวหน้าก๊วน ไม่ว่าจะเป็น ก๊กบ้านจันทร์ส่องหล้ามี พจมาน ณ ป้อมเพชร ซึ่งถือว่าเป็นก๊กที่ใหญ่มีพลังในลำดับต้นๆ ก๊ก สมชาย-เจ๊แดง และก๊กสายตรง “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร แต่ล่าสุดกำลังมีกลุ่มใหม่เกิดขึ้นมานั่นก็คือ กลุ่มของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ระยะหลังกำลังมีความพยายามตั้งบุคคลใกล้ชิดเข้ามารับตำแหน่งสำคัญมากขึ้น ประเภทที่ไว้ใจได้และในฐานะที่เป็นคนใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีทำให้ในระยะหลังเธอเริ่มไม่ค่อยฟังใคร
ที่สำคัญเริ่มสนุกกับการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กำลังเคลิบเคลิ้มไปว่าตัวเองก็มีความสามารถเหมือนกัน อีกทั้งในระยะหลังกำลังมี “คนใกล้ชิดพิเศษ” เป็นกุนซือให้ในทุกเรื่องก็ยิ่งฮึกเหิม ซึ่งการปรึกษาหารือก็จะเป็นไปในลักษณะที่เคยเกิดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น นั่นแหละ
นั่นเป็นภาพคร่าวๆ ที่มีอยู่ในพรรคเพื่อไทยและในรัฐบาล โดยพลังของกลุ่มก๊วนดังกล่าวรับรองว่ามีไม่เท่ากัน และแน่นอนว่าความสำคัญยังต้องอยู่ที่ พจมาน กับ ทักษิณ เป็นหลัก แต่รับรองว่าระยะหลังกำลังเสียงของยิ่งลักษณ์ก็เริ่มแข็งขึ้นไม่น้อย โดยเฉพาะการที่ยังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็ย่อมต้องการ “เลือกทีม” ของตัวเองบ้างเหมือนกัน
อย่างไรก็ดี ในสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ตรงหน้า ที่รัฐบาลกำลังประสบปัญหาความเสื่อมศรัทธาลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาข้าวของแพง สังคมจับได้ไล่ทันแล้วว่า “ผู้นำด้อยปัญญา” ไม่มีวิสัยทัศน์ ที่สำคัญไม่มีอะไรเลย มีแต่ความ “กลวง” สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังทำลายความหวัง ทำลายรัฐบาล และทำลายพรรคเพื่อไทยลงไปเรื่อยๆ
สำหรับพรรคเพื่อไทยสร้าง “จุดขาย” ในเรื่อง เศรษฐกิจ โครงการประชานิยม ทำให้ชื่อของ ทักษิณ ถูกนำมาสร้างภาพให้เป็น “เทวดา” และการเลือกตั้งคราวที่แล้วด้วยคำพูด “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” ก็ทำให้ชนะการเลือกตั้ง และได้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมาเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ท่ามกลางเสียงไชยโยดังลั่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป และด้วยเงื่อนไงทางเศรษฐกิจจากภายนอกที่เกิดวิกฤติรุมเร้าทั้งในและนอก ทุกอย่างคือของจริง “หลอกต้ม” ต่อไปไม่ได้ มันก็เกิดความเดือดร้อนอย่างที่เห็น
แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามสะกดจิตท่องคาถา “ไม่แพง” เพื่อให้กลบเสียง “แพงทั้งแผ่นดิน” มันก็ไม่ได้ผล เพราะความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ ในทางตรงกันข้ามหากรัฐบาลไม่ยอมรับความจริง ยังเถียงว่าข้าวของไม่แพง มันก็ยิ่งอันตราย เพราะนั่นเท่ากับว่ายังไม่มีมาตรการแก้ไข เพราะยังเชื่อว่าทุกอย่างยังเป็นปกติ หรือเกิดขึ้นตามกลไกฤดูกาลและภาวะธรรมชาติ ไม่ใช่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด
ส่วนเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีก็เช่นเดียวกัน ยังต้องยื้อออกไปให้นานที่สุด ทางหนึ่งก็เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนภายใน เพราะแน่นอนว่าพวกบ้านเลขที่ 111 จะต้องเข้ามาเป็นแผง ถึงตอนนั้นการสั่งการภายในรัฐบาลจะเสียความสมดุลทันที คนพวกนี้ซ้ายหันขวาหันไม่ได้ทุกเรื่อง และแน่นอนว่าหากปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องโละทีมเศรษฐกิจออกไปค่อนข้างแน่ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ย่อมหมายความว่าคนใกล้ชิดที่เป็นหนังหน้าไฟจะต้องพ้นไปด้วย เป็นลักษณะ “เปลี่ยนม้ากลางลำธาร” ยิ่งอันตราย
ดังนั้น การปรับคณะรัฐมนตรีจะต้องเกิดขึ้นแน่ แม้ว่าจะมีเสียงเร่งเข้ามาจาก ทักษิณเพื่อให้ปรับกระบวนใหม่เพื่อรองรับภารกิจใหญ่ภายหน้า แต่อย่างที่บอกนาทีนี้ ไม่ใช่ยิ่งลักษณ์ คนเดิม เพราะเริ่มเคลิ้มหลงไปตามคำป้อยอคนใกล้ชิดว่ามีความสามารถ สั่งไม่ได้ทุกเรื่อง ทำให้ต้องยื้อออกไปอย่างน้อยต้องให้ผ่านพ้นไปอย่างน้อยให้อายุรัฐบาลครบ 1 ปีเสียก่อน ขณะเดียวกันยังสอดคล้องกับช่วงเวลาที่พรรคฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์กำลังจองกฐินรอยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่ารัฐบาลอยู่ในภาวะวิกฤติศรัทธา คาดว่าอาจใช้โอกาสนั้นปรับคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันแบบชุดใหญ่ไปเลยก็ได้
แต่ถึงอย่างไรนับจากนี้ไปถือว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ กำลังอยู่ในภาวะถดถอยลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะผลจากเรื่อง “แพงทั้งแผ่นดิน” แม้ว่าจะพยายามกลบเกลื่อน สร้าง “การตลาดเทียม” ขึ้นมาบิดเบือนอย่างไรก็คงไม่ได้ผล ตรงกันข้ามกลับยิ่งเพิ่มอารมณ์โกรธจากสังคมมากขึ้นไปอีก เพราะเหมือนกับว่ารัฐบาลไม่ยอมรับความจริงแล้วไม่ยอมแก้ปัญหา ขณะเดียวกันยังเจอ “ดาบซ้ำ” จากฝ่ายค้านที่จ้องซักฟอก มีเป้าหมายเพื่อ “ประจาน” ความไม่เอาไหนของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ผ่านการถ่ายทอดสด มันก็ยิ่งกลายเป็นรายการ “โหดมันฮา” ที่เป็นใครก็ขำไม่ออกแน่นอน!!