“ไทย-เกาหลีใต้” ย้ำความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ พร้อมให้ความช่วยเหลือในการบริหารจัดการน้ำ “ฮังการี” แนะประสบการณ์บริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนในระยะยาว แต่หนูไม่รู้ข่าวทหารตาย-เจ็บอื้อ เหตุบึ้ม จยย.ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
วันนี้ (1 พ.ค.) นายคิม ซอง-ฮวาน (Mr.Kim Sung-hwan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าเกาหลีใต้ เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในโอกาสที่เดินทางเยือนไทย และ เมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 30 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2555 ณ ห้องรับรองนายกรัฐมนตรี อาคารรัฐสภา 1 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับในโอกาสที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าเกาหลีใต้เดินทางเยือนไทย และขอบคุณที่เกาหลีใต้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น สำหรับการเยือนเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และยินดีที่การประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ค.ศ.2012 ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวรู้สึกยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้ มีความใกล้ชิด และมีการพัฒนาไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าเกาหลีใต้ กล่าวว่า เกาหลีใต้มีการขยายมูลค่าทางการค้าประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการการค้าร่วมระหว่างสองประเทศ (Joint Trade Commission) พร้อมกันนี้ ยังหวังว่า ไทย-เกาหลีใต้ จะสามารถขยายความร่วมมือไปยังด้านอื่นอีกด้วย อาทิ ด้านความมั่นคง และยืนยันพร้อมร่วมมือกับไทยต่อไป
ก่อนจบการสนทนา นายกรัฐมนตรีได้สอบถามเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ (Water Management) ซึ่งเกาหลีใต้มีประสบการณ์และทักษะความรู้ ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวชื่นชมเกี่ยวกับระบบการเตือนล่วงหน้าของเกาหลีใต้อีกด้วย (Early Warning System)
ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล บารอนเนสแคทเธอรีน แอชตัน (Baroness Catherine Ashton) ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีการหารือสรุปดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับ บารอนเนสแคทเธอรีน แอชตัน ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของการประชุม ASEAN-EU Ministerial Meeting ที่จัดขึ้นที่บรูไน ซึ่งผู้แทนระดับสูงของอียูได้เข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ ผู้แทนอียู กล่าวว่า เป็นความตั้งใจที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทยภายหลังการประชุม เนื่องจากอียูให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับไทย และต้องการต่อยอดความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานให้รอบด้านและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่า ไทยเองได้ให้ความสำคัญ และต้องการขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงรักษาระดับความสัมพันธ์ด้านการเมืองกับอียู มากขึ้น เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-อียู ให้มีความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ โดยทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะผลักดันการเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อียู ด้วย
นอกจากนี้ บารอนเนสแคทธอรีน แอชตัน ยังได้ให้ความสนใจต่อสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้นภายหลังการเลือกตั้ง รวมถึงการดำเนินการของรัฐบาลเพื่อสร้างความปรองดองในชาติ ในด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยได้กลับสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้ ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบกำลังจะเดินหน้าการผลิตเต็มกำลังภายในกลางปีนี้ และคาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งปีอยู่ที่ร้อยละ 5.5-6.5 ซึ่งผู้แทนอียูแสดงความชื่นชมต่อการเติบโตของไทย แม้จะประสบปัญหาอุทกภัยในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการในเมียนมาร์ ซึ่งอียูได้ชื่มชมไทย ว่า มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาการในเมียนมาร์ และพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในเรื่องนี้ต่อไปอีกด้วย
นายยานอช์ มาร์ตอนยิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฮังการี เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวยิ่งลักษณ์ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 29 เม.ย.- 1 พ.ค. 2555 ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ โดยมี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าร่วมหารือ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย และฮังการี ที่มายาวนานกว่าศตวรรษ และยังพัฒนาความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองประเทศต่างมีศักยภาพนอกเหนือจากการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการท่องเที่ยว การศึกษาและวัฒนธรรม นอกจากนี้ ฮังการียังได้รับการยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยและฮังการี จะสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฮังการี กล่าวแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรีหลังประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งที่ผ่านมาด้วยเสียงข้างมาก นำเสถียรภาพมาสู่การเมืองไทย พร้อมสนับสนุนในการเดินหน้าสร้างความปรองดองของรัฐบาลด้วย สำหรับสถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา รัฐบาลก็สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยินดีที่ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบริหารจัดการน้ำ รวมไปถึงด้านสิ่งแวดล้อมโดยรวม
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฮังการี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายอาจพิจารณาให้มีการหารือเรื่อง เขตการค้าเสรีในระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน นอกจากนี้ ไทยยังเป็นประเทศที่สวยงานที่นักท่องเที่ยวฮังการียังนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวอีกด้วย หากนายกรัฐมนตรีพิจารณาเดินทางเยือนฮังการีในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป ยังจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งสองฝ่ายอีกด้วย
ล่าสุด ที่รัฐสภา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถจักรยานยนต์ ที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ส่งผลให้มีทหารเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บ 8 นาย ว่า “ยังไม่ทราบเลยคะ” เมื่อถามว่า จะมีการเรียกหารือถึงเรื่องดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.)หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามใดๆ แล้วเดินเข้าอาคารรัฐสภาด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย