xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ยาหอมแรงงานไทย สร้าง ศก.ชาติ ขึ้นค่าแรงทุก จว.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2555 ที่ท้องสนามหลวง
“ยิ่งลักษณ์” ชวนคนใช้แรงงาน น้อมนำพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง ยึดหลักใช้ชีวิต ชี้แรงงานไทยช่วยสร้างเศรษฐกิจชาติ ใช้เวทีแรงงานโปรยฝัน เร่งขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ จ้อ นโยบายอุ้มเอสเอ็มอี-แรงงานต่างด้าว

วันนี้ (1 พ.ค.) ที่ท้องสนามหลวง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2555 โดยกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า มีความดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มาร่วมงานเฉลิมฉลองวันแรงงานแห่งชาติ วันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งตนถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญอีกวันหนึ่ง เพื่อจะได้เตือนใจประชาชนทุกคนให้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ใช้แรงงาน เพราะเป็นผู้ที่ทำประโยชน์แก่ประเทศไทยอย่างแท้จริง ทั้งช่วยในการก่อให้เกิดผลผลิตต่างๆ ถือว่ากำลังสำคัญในการที่จะสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ตนมีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศ ได้พูดคุยกับนักลงทุนหลายคน ที่มีเหตุผล และแสดงความมั่นใจ รักเมืองไทย และพร้อมที่จะอยู่ต่อในเมืองไทย นั่นเพราะด้วยความที่ประเทศไทยมีความพร้อม อีกทั้งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ มีความพึงพอใจในผู้ใช้แรงงาน คนไทยมีฝีมือดี มีน้ำใจไมตรี และมีความยึดมั่นในงานที่รับผิดชอบเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณความเข้าใจในนโยบายของรัฐบาล และการดำเนินการต่างๆ ซึ่งเหตุผลต่างๆ นี้คือความภาคภูมิใจ ของผู้ใช้แรงงานที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ

นายกฯ กล่าวต่อว่า ถ้าระบบแรงงานมีความมั่นคงแล้วก็จะส่งผลต่อครอบครัวของพี่น้องประชาชนมีความมั่นคง และจะส่งผลไปยังภาพรวมของเศรษฐกิจได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าที่ผ่านมามหาอุทกภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก และรัฐบาลจึงมีหลายนโยบายที่จะช่วยบรรเทาแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะทางด้านของโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และหวังว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรคให้พ้นผ่านไปด้วยดี

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ดำเนินการประกาศให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้วันละไม่น้อยกว่า 300 บาทใน 7 จังหวัด ซึ่งเป็นการยกระดับผู้ใช้แรงงานให้สามารถมีกำลังซื้อเพิ่มเติมได้ สำหรับจังหวัดที่เหลือก็มีการปรับเพิ่มอยู่ในอัตราเฉลี่ย 39.5 เปอร์เซ็นต์ และตนขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า รัฐบาลจะมุ่งมั่นเร่งรัดปรับค่าแรงให้เป็น 300 บาทให้เร็วที่สุด และทั้งหมดต้องขอขอบคุณทางด้านผู้ประกอบการ ผู้ใช้แรงงาน และทุกหน่วยงาน ที่มีความเข้าใจในปัญหาความเดือดร้อนของผู้ใช้แรงงานว่ามีภาระค่าใช่จ่าย ประกอบกับค่าครองชีพที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยให้ผู้ใช้แรงงานสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของตนเองได้ และขอเรียนว่า เมื่อได้ค่าแรงที่ปรับขึ้นแล้ว อย่าลืมที่จะเก็บไว้บ้าง อย่าใช้กันหมด จะได้มีเก็บไว้ใช้ ซึ่งนี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเจตจำนงที่สำคัญ

นายกฯ กล่าวต่อไปว่า นโยบายที่นอกเหนือจากการดูแลค่าครองชีพแล้ว รัฐบาลยังมีนโยบายที่จะเสริมในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพฝีมือของผู้ใช้แรงงาน เพราะเมื่อเรายิ่งได้รับการปรับค่าแรงขึ้น ผู้ใช้แรงงานก็จะต้องยิ่งเพิ่มคุณภาพ และผลผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ มาตรการที่จะดูแลผู้ประกอบการโดยเฉพาะ เอสเอ็มอี รัฐบาลได้มีนโยบายที่พยายามขับเคลื่อนผลักดันออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น การลดค่าใช้จ่าย โดยจะทำอย่างต่อเนื่องเพื่อที่จะทำให้ระบบการทำงานไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง หรือลูกจ้างมีความสัมพันธ์กัน และที่สำคัญจะสามารถสร้างความแข็งแรงให้แก่เศรษฐกิจได้

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ ที่เราได้พยายามที่จะผลักดันดำเนินการให้เช่น เรื่องการดูแลคุ้มครองระบบแรงงานทั้งในระบบ และนอกระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย สุขภาพอนามัย หรือความมั่นคง รวมถึงการดูแลสถานที่ประกอบการที่มีมาตรฐาน ให้เป็นพื้นที่สีขาว ปลอดจากยาเสพติด หรือเกี่ยวกับเรื่องโรคเอดส์ หรือโรควัณโรค ก็ตาม นี่คือสิ่งที่เป็นคุณภาพชีวิตที่เราต้องช่วยกันมุ่งมั่นในการสร้างให้แก่พี่น้องทุกท่าน รวมถึงผู้ที่มีลูกเล็กก็จะมีการพัฒนาสร้างศูนย์เลี้ยงเด็กสำหรับผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ หรือชุมชนในพื้นที่ต่างๆ เพราะการทำงานที่เป็นภาระอันหนัก จะทำผู้ใช้แรงงานมีกำลังใจถ้ามีคุณภาพชีวิตดีขึ้น อีกทั้งเรื่องของประกันสังคม ขณะนี้มีจำนวนผู้ประกันตนเข้ามาในส่วนของประกันสังคมค่อนข้างเยอะ ซึ่งในระยะยาวเราจะมีการสนับสนุนให้รณรงค์ส่งเสริมให้ผู้ใช้แรงงานนอกระบบลงทะเบียนเข้ามาในระบบมากขึ้น และโครงการที่เราร่วมกับทางกระทรวงสาธารณสุขในการบูรณาการที่จะช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือที่เจ็บป่วยอาจถึงแก่ชีวิตซึ่งต้องได้รับการรักษาพยาบาล ตรงนี้เราขอยืนยันว่าจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลได้ทุกโครงการในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน เพราะเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงอย่างมาก

นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ไปทำงานในต่างประเทศ เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราเป็นห่วงสำหรับผู้ที่เดินทางไกล จึงต้องมีหน่วยงานดูแลให้ทำงาน และจะต้องเดินทางไปอย่างสมศักดิ์ศรี เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวง หรือการที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกินความจำเป็น โดยเราจะเตรียมความพร้อมให้ สำหรับแรงงานต่างด้าวเราจะทำให้เข้ามาในระบบ ซึ่งขณะนี้จำนวนแรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนในสัญชาติของพม่า ลาว กัมพูชา มีทั้งสิ้นประมาณ 1.6 ล้านคน โดยแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม จะทำงานทั้งในส่วนของกรรมกร และผู้รับใช้ในบ้าน และเราจะรณรงค์ให้แรงงานต่างด้าวเหล่านี้เข้าระบบลงทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อที่การดูแลของภาครัฐจะได้ดูแลอย่างทั่วถึง สำหรับบางกลุ่มที่ไม่ได้ลงทะเบียนที่ถูกต้อง คงจะต้องมีมาตรการในลำดับถัดไป ไม่ว่าเป็นเรื่องของการผลักดัน ส่งกลับประเทศ หรือกลับเข้ามาในครั้งใหม่

นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการฝึกอบรมนั้น ตนได้ติดตามกับรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานทุกวัน เพราะการฝึกอบรมเราจะยกระดับฝีมือแรงงานทั้งระบบใน 22 สาขาอาชีพ โดยเฉพาะสาขาอาชีพที่เป็นที่ต้องการ ดังนั้น ขอเชิญชวนพี่น้องใช้แรงงานหาเวลาว่างที่จะอบรม ฝึกฝีมือเพื่อจะได้พัฒนาให้มีฝีมือคุณภาพ สมกับที่ต่างประเทศบอกว่าคนไทยมีฝีมือแรงงาน และเสื้อที่ตนใส่ขณะนี้ ก็เป็นเสื้อที่ผลิตจากฝีมือแรงงานคนไทย ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เราภูมิใจ และเราต้องบอกคนอื่นด้วยว่า คนไทยเรามีฝีมือ และภูมิปัญญาท้องถิ่นต่างๆ ควรจะอนุรักษ์ไว้ โดยทุกคนจะเป็นตัวแทนของรัฐบาลที่จะแสดงให้เห็นฝีมือของคนไทย

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างการดูแลสวัสดิการ ค่าครองชีพ รายได้ผู้ใช้แรงงาน ที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงแรงงาน และที่สำคัญ นายจ้างทุกคนที่ให้ความเห็นใจพี่น้องประชาชน ตนขอให้กำลังใจพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกท่าน และขอเรียนว่าอย่าลืมน้อมนำพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มายึดเป็นหลักในการดำรงชีพเพื่อที่จะนำรายได้กลับมาเลี้ยงครอบครัวให้มีความถาวร และมั่นคงสืบไป






กำลังโหลดความคิดเห็น