“ชวนนท์” ชี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เกียร์ว่าง ปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันแอบขึ้นค่าการตลาดพันเปอร์เซ็นต์ใน 4 เดือน ชี้ราคาน้ำมันดิบยุคอภิสิทธิ์แพงกว่า แต่ราคาขายปลีกถูกกว่า ทวงถามงบกลาง 1.2 แสนล้านตรวจสอบไม่ได้ ชี้เว็บไซต์โครงการถูกบังคับให้ใส่พาสเวิร์ด เจ้าหน้าที่อ้างเผยเฉพาะผู้รับเหมา ฉะสับปลับหลอกลวงประชาชน แฉโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน 24 โครงการไร้ความคืบหน้าอื้อ ด้าน “มัลลิกา” ฝากสตรอเบอร์รีให้นายกฯ หวังสุขภาพดี สมองดีขึ้น จริงใจแก้ปัญหา
วันนี้ (27 เม.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะหามาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าที่แพง ทั้งที่ความเดือดร้อนของประชาชนเกิดจากนโยบายรัฐบาลจึงสามารถทำได้ง่ายๆ แค่ทบทวนนโยบายพลังงานของตัวเองเท่านั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการบริหารประเทศ โดยเปรียบเทียบราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ในช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว (2553) มาเปรียบเทียบกับเดือนเมษายนปีนี้ แสดงให้เห็นว่าราคาน้ำมันดิบในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แพงกว่ายุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ แต่ราคาน้ำมันทุกชนิดกลับถูกกว่า สะท้อนให้เห็นว่าราคาพลังงานที่สูงขึ้นในขณะนี้ไม่ได้เกิดจากกลไกตลาดโลก แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลสามารถกำหนดนโยบายบริหารจัดการเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้ แต่นอกจากรัฐบาลไม่ทำแล้ว ยังปล่อยให้ผู้ประกอบการแอบขึ้นค่าการตลาดน้ำมันบางประเภทเกือบ 1000% ภายในเวลาสี่เดือน ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นด้วย และเงินส่วนต่างที่เกิดขึ้นก็เป็นกำไรของบริษัทน้ำมันทันที แต่ประชาชนรับภาระทั้งค่าครองชีพ และค่าโดยสารที่ปรับคาคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น
นายชวนนท์ยังทวงถามถึงความคืบหน้าในการใช้งบกลาง 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ pmocflood.com แต่เมื่อตนได้เข้าไปตรวจสอบ พบว่าไม่สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องมีการใส่รหัสผ่าน (พาสเวิร์ด) เมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ก็ได้รับแจ้งว่า จะเปิดเผยเฉพาะผู้ประมูลรับงานและผู้เกี่ยวข้องในระดับนโยบายเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าที่รัฐบาลระบุว่าตรวจสอบได้อย่างโปร่งใสนั้นเป็นการสับปลับ หลอกลวงประชาชน และเห็นว่าเหตุผลที่รัฐบาลร้องขอให้ปกปิดเรื่องนี้ก็เพราะไม่ต้องการให้รู้ว่ามีการทุจริต และรัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตาม ตนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณวงเงิน 21,864 ล้านบาท ในส่วนของโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน 24 โครงการ ณ วันที่ 3 เม.ย.55 พบว่า 22 โครงการไร้ความก้าวหน้าในการดำเนินการโดยตัวเลขที่ปรากฏเป็น 0 มีเพียง 2 โครงการที่มีความคืบหน้าเล็กน้อย คือ โครงการฟื้นฟูยุทโธปกรณ์ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ของกองทัพอากาศ วงเงิน 3,583 ล้านบาท มีความก้าวหน้า 10% และโครงการเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2,747 ล้านบาท มีความก้าวหน้าเพียง 5%
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำสตรอเบอร์รีมาประกอบการแถลงข่าวถึงภาวะผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อสะท้อนความไม่จริงใจในการบริหารประเทศ โดยหยิบยกกรณีที่นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะเรื่องค่าไฟ แสดงให้เห็นถึงการโกหกประชาชน เพราะค่าไฟเพิ่มขึ้นหลังจากที่รัฐบาลยอมให้มีการปรับค่าเอฟทีสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟพุ่งขึ้น 8% ตามไปด้วย นอกจากนี้รัฐบาลก็เพิ่งยอมให้มีการปรับค่าโดยสารรถสาธารณะ ในวันเดียวกับที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะหามาตรการช่วยเหลือประชาชน ไม่ต่างจากที่เคยประกาศจะทำให้น้ำมันลดลง สุดท้ายเมื่อเข้ามาบริหารประเทศกลับลอยตัวราคาพลังงานทุกชนิดทำให้ประชาชนต้องซื้อน้ำมันในราคาแพง และยังมีการลดปริมาณการช่วยเหลือประชาชนในเรื่องค่าไฟฟรีจาก 90 หน่วยเหลือ 50 หน่วย ตนจึงเห็นว่านายกรัฐมนตรีโกหก และโฆษณาชวนเชื่อโดยไม่ได้มีความพยายามจะปฏิบัติตามสัญญาหรือช่วยเหลือประชาชน ถือว่าคนไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตผู้นำและวิกฤตค่าครองชีพ จึงฝากสตรอเบอร์รีให้นายกรัฐมนตรีไปรับประทาน เพื่อจะได้มีสุขภาพดีและสมองที่ดีในการแก้ปัญหาให้แก่ประชาชนและมีความจริงใจแก่ชาวบ้านมากกว่าที่เป็นอยู่