ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน เชื่อรัฐบาลปักธงแก้ รธน.-นิรโทษ ห่วงที่มา ส.ส.ร.ถูกการเมืองแทรกแซง ติง “ยงยุทธ” ใช้หน่วยงานรัฐจัดเสวนาบังหน้านิรโทษไร้ประโยชน์ แนะ ให้หน่วยงานกลางทำแทน เปิดโอกาสทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ขอบคุณชาวปทุมฯ ให้ความไว้วางใจเพิ่มเก้าอี้ ส.ส. พร้อมส่งผู้สมัครสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 3 เชียงใหม่ ยอมรับปักธงยากกว่าที่ปทุมฯ
วันนี้ (22 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเลื่อนพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญออกไปเป็นวันอังคารที่ 23 เมษายนว่า การที่กรรมาธิการฯ ยอมรับฟังความเห็นของฝ่าย ต่างๆ มากขึ้นก็เป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตามยังไม่มีบทสรุป เพราะบางเรื่องกรรมาธิการฯ ก็ไม่ยอมถอย เช่น จำนวน ส.ส.ร. แม้จะมีความพยายามเจราอย่างไรก็ไม่ยอมปรับตัวเลข แต่ที่มีแนวโน้มว่ากรรมาธิการฯ จะรับไปพิจารณา คือ 1. แทนที่จะใช้กฎหมายท้องถิ่นให้ใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ว.ซึ่งจะสามารถควบคุมพรรคการเมืองได้ดีกว่า 2. การสรรหาผู้เชี่ยวาญแทนที่จะปล่อยให้เป็นอำนาจของประธานสภาวินิจฉัยว่าองค์กรใดเสนอชื่อได้บ้างจะตัดออกให้เป็นเรื่องของสถาบันการศึกษา 3. หลังจากที่ ส.ส.ร.จัดทำรัฐธรรมนูญเสร็จ ประธานสภาจะต้องให้รัฐสภาวินิจฉัยว่าขัดต่อข้อกำหนดต่างๆ เช่น เปลี่ยนรูปของรัฐกระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
ซึ่งทางพรรคเห็นว่า น่าจะเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างน้อยก็ถือว่าลดดุลพินิจของประธานสภาลงไปชั้นหนึ่งก่อน และสุดท้ายคือเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญเสร็จให้มีการเสนอเข้าสู่รัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบก่อนที่จะไปลงประชามติ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าทางรัฐบาลจะยอมร้บแค่ไหนอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ในเรื่องของจำนวน ส.ส.ร.ก็เคยยอมรับการเพิ่มเป็น 200 แล้ว แต่กลับเปลี่ยนแปลงภายหลังจากที่มีสายตรงมาว่าไม่ได้ ซึ่งในวันอังคารนี้จะได้คำตอบที่ชัดเจนและพรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ต่อไปเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เห็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่ามีประเด็นเคลือบแคลงสงสัยอย่างไร
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การพิจารณา 4 ฝ่ายคือ ฝ่ายค้าน รัฐบาล ส.ว. และกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาครอบคลุมถึงความกังวลของผู้ตรวจการแผ่นดินใน 3 ประเด็น ที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญและการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. แล้ว แต่บางส่วนกรรมาธิการฯ ก็ไม่ยอมรับข้อเสนอของผู้ตรวจการแผ่นดิน แม้ว่าทางพรรคประชาธิปัตย์จะพยายามเสนอก็ตาม ซึ่งจะดำเนินการต่อไป ทั้งเรื่องอำนาจการวินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญที่จะจัดทำขึ้นใหม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐหรือไม่ว่าควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และวิธีการเลือก ส.ส.ร. 22 คนว่าไม่ควรปล่อยให้สมาชิกรัฐสภาเลือกเพราะจะทำให้เกิดการบล็อกเป็นไปได้สูง จึงพยายามเสนอว่าทำไมไม่ให้สิทธิ์ ส.ส หรือ ส.ว. เลือกเพียงแค่ 6-7 คนน่าจะเหมาะสมกว่า
ทั้งนี้ หากกรรมาธิการฯ ยอมถอยและรับฟังความเห็นของเสียงข้างน้อย ก็น่าจะทำให้การอภิปรายจากนี้ไปเป็นไปด้วยความราบรื่นมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเห็นชอบต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญเพราะเป็นคนละประเด็น และในขณะนี้ก็ยังไม่หมดความกังวลเกี่ยวกับที่มาของ ส.ส.ร.เพราะอยากให้มีการเพิ่มจำนวนเพื่อสร้างหลักประกันว่า ส.ส.ร.จะมีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงจากการเมืองซึ่งพรรคจะต่อสู้ต่อไป
ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยังกล่าวถึงกรณีที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทย ตั้งนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบในการจัดเวทีเสวนาเพื่อนำไปสู่ความปรองดองว่า หากรัฐบาลทำเองอาจจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม จึงอยากให้เปิดโอกาสให้องค์กรที่มีความเป็นกลางเป็นผู้ดำเนินการในเรื่องนี้จะดีกว่า และต้องการเห็นรายละเอียดว่าจะให้ประชาชนฝ่ายต่างๆ เข้าไปมีส่วนร่วมได้อย่างไร เพราะเมื่อรัฐบาลทำเองก็ยิ่งต้องพยายามยื่นมือออกมาในการเชิญชวนฝ่ายต่างๆ ไปมีส่วนร่วม เพราะถ้ารัฐทำโดยลำพังก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ อีกทั้งรัฐบาลต้องไม่มีธงในเรื่องนี้ เพราะหากมีเป้าหมายอยู่แล้วก็ไม่ต้องทำ อย่างไรก็ตาม จากการแสดงออกของคนในรัฐบาลที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่ามีธงในหลายเรื่อง รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย จึงอยากเชิญชวนประชาชนช่วยกันสะท้อนความเห็นและความต้องการในการปกป้องความถูกต้อง ต้องช่วยกันแม้ว่ารัฐบาลจะมีธงอยู่แล้วก็ตาม เพื่อให้รัฐบาลได้รับทราบความต้องการของประชาชนด้วย
นายอภิสิทธิ์ยอมรับด้วยว่า ในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2553 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้เสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมทุกฝ่ายแต่ตนไม่เห็นด้วย เพราะถ้าดำเนินการจริงจะเกิดปฏิกิริยาจากหลายฝ่าย ทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะในภาวะที่ยังมีความเข้าใจไม่ตรงกันว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคืออะไร ซึ่งหากในรัฐบาลที่แล้วบอกว่านิรโทษกรรมทุกฝ่ายรวมทั้งเจ้าหน้าที่ ตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็คงเป็นเงื่อนไขที่ไปปลุกระดมกันมากมาย ตนยังยืนยันว่าสิ่งที่ผู้สูญเสียต้องการคือความจริง การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พยายามขอว่าให้ลืมๆ กันไป เพียงเพราะต้องการให้การนิรโทษกรรมครอบคลุมถึงคดีของตนเองหรือคดีทุจริตเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ โดยควรให้กระบวนการเรื่องข้อเท็จจริงเดินหน้าต่อและให้คณะกรรมการต่างๆ เป็นผู้สรุป จะช่วยให้สังคมร่วมกันตกผลึกว่า เวลาที่มีการชุมนุมและมีการใช้อาวุธต้องการให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างไร มิเช่นนั้นเราจะมีปัญหาว่าถ้าเป็นการชุมนุมโดยสงบก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีการชุมนุมใช้อาวุธแล้วบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยสังคมและระบบจะถูกจับเป็นตัวประกันได้ตลอด
ทั้งนี้ยังเห็นว่ากระบวนการสืบสวนของดีเอสไอยังต้องดำเนินการต่อไม่ใช่หยุดเพื่อรอการนิรโทษกรรม และเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต้องค้นหาความจริง เช่น กรณีของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม คงอ้างแค่ว่าหาคนผิดยากไม่ได้ และทางพรรคจะติดตามตรวจสอบอีกทางหนึ่งแต่ไม่ต้องการให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงก้าวก่าย จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทำงานตรงไปตรงมาเพราะต้องรับผิดชอบกับอนาคตด้วย การดำเนินการของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องให้ความเป็นธรรม คำนึงถึงความรู้สึกของผู้สูญเสีย ส่วนกระบวนการปรองดองจะนำไปสู่การให้อภัยหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะผู้สูญเสียทุกฝ่ายมีความรู้สึกค่อนข้างมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลและแกนนำคนเสื้อแดง
พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวขอบคุณชาวปทุมธานีที่ให้โอกาสผู้สมัคร ส.ส.พรรคเป็น ส.ส.หลังจากที่ว่างเว้นการมี ส.ส.ในพื้นที่นี้มาเป็นเวลานานพอสมควร ซึ่งคิดว่าเป็นความดีความชอบของผู้สมัครที่ทำงานต่อเนื่องในเรื่องน้ำท่วม แต่ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็น ส.ส.หรือไม่ได้เป็น ส.ส. เมื่อเกิดปัญหาต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชนในพื้นที่แบบเกาะติดช่วยประชาชน ขณะเดียวกันคะแนนเสียงที่หายไปของรัฐบาล ทางรัฐบาลก็คงต้องไปทบทวนดูว่ามีเหตุมีปัจจัยอะไรบ้าง ซึ่งรัฐบาลควรจะรับไปพิจารณาในทางสร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงการทำงานของตัวเองด้วย เพราะคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ค่อนข้างใกล้เคียงกับการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยหายไปค่อนข้างชัดเจน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ก็คงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส.ในสภาต่อไป ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ชัยชนะที่เกิดขึ้นก็ดีกว่าที่พรรคจะแพ้การเลือกตั้ง
สำหรับจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ที่มีเพียงแค่ 30% นั้น นายอภิสิทธิ์เห็นว่าเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่ก็คาดการณ์กันอยู่แล้วว่าคนจะไปใช้สิทธิ์น้อยเนื่องจากเป็นช่วงหยุดยาวสงกรานต์และการเลือกตั้งล่วงหน้าก็อยู่ในช่วงสงกรานต์เลย และน่าจะเป็นตัวบ่งบอกว่าประชาชนเองก็ยังไม่พึงพอใจกับพรรคการเมืองทั้งสองพรรค จึงควรช่วยกันปรับปรุงการทำงาน ด้วยการสร้างศรัทธาให้ประชาชน ทำให้การเมืองแก้ปัญหาให้ประชาชน
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า พรรคกำลังพิจารณาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จังหวัดเชียงใหม่ แทนนางสาวชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เพื่อไทย ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี จากการซุกหนี้ 100 ล้าน แต่ยอมรับว่าการจะชนะพรรคเพื่อไทยในเขตเลือกตั้งนี้คงยากกว่าที่ปทุมธานี เพราะที่ปทุมธานีเดิมพรรคแพ้อยู่หมื่นกว่าคะแนน แต่ที่เชียงใหม่หลายหมื่น อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะส่งผู้สมัครไปเสนอตัวรับใช้ประชาชน