xs
xsm
sm
md
lg

“ธาริต” ย้ำแดงฆ่า “ร่มเกล้า” รับเคยชง ศอฉ.นิรโทษทุกฝ่ายหลังปราบเสร็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (แฟ้มภาพ)
“อธิบดีดีเอสไอ” เผยเคลียร์คดีเผาเมืองหมดแล้ว เหลือคดีหมิ่นสถาบันกำลังเร่งทำอยู่ ชี้กระบวนการยุติธรรมไปเร็วไม่ได้ต้องตามขั้นตอน ยันพยานคุย “เมียร่มเกล้า” ต่อเนื่อง อ้างจลาจลหลายชาติก็หามือสังหารได้ยาก แต่ย้ำฝีมือแดงฆ่า ระบุ จนท.ปราบต้องดูที่มุมมอง แฉเคยชง ศอฉ.ขอนิรโทษฯ ทุกฝ่ายหลังปราบเสร็จ แต่ไม่มีใครเอา

วันนี้ (20 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.40 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคคีการชุมนุมทางการเมืองว่า แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. คดีชุมนุมโดยไม่สงบที่เกิดขึ้นนั้น ไม่มีคดีค้างที่ดีเอสไอแล้ว เพราะส่งไปอัยการ อัยการก็ฟ้องไปที่ศาล 2. คดีล่วงละเมิดสถาบัน ยังเหลือคดีอยู่ในมือดีเอสไออยู่บ้าง ซึ่งกำลังเร่งรีบอยู่ เมื่อถามว่า ส่วนญาติคดี 91 ศพบางส่วนบอกว่าอยากได้รับความจริงมากกว่ารับเงินชดเชย นายธาริตกล่าวว่า เป็นสิทธิของผู้เสียหาย แต่กระบวนการยุติธรรมมีขั้นมีตอน จะไปเร็วไม่ได้ หากสู้คดีไปถึงศาลฎีกาอาจใช้เวลาประมาณ 10 ปี การจะด่วนตัดสินอาจถูกใจแต่ไม่ถูกต้องตามหลักการ

เมื่อถามถึงคดี พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง หลังจากที่ดีเอสไอเคยออกมาสรุปว่าเป็นการกระทำของเสื้อแดง แต่ก็เงียบหายไป นายธาริตกล่าวว่า เรายังทำอย่างต่อเนื่อง มีการติดต่อกับภรรยา พ.อ.ร่มเกล้า ต้องมีพยานหลักฐานที่ชี้ชัดได้ ไม่อย่างนั้นศาลจะยกฟ้อง ซึ่งหลายประเทศที่เกิดจลาจลจะหาคนกระทำความผิดยาก หาได้เพียงว่าเป็นกลุ่มไหน แต่จะชี้ชัดว่าเป็นใครนั้นยากมาก เมื่อถามว่ายืนยันใช่หรือไม่ว่ากลุ่มเสื้อแดงกระทำ นายธาริตกล่าวว่า เรายังยืนยันเช่นนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง

นายธาริตกล่าวว่า ส่วนการที่เจ้าหน้าที่เอาอาวุธออกมาปราบปรามนั้นก็อยู่ที่มุมมอง ทุกอย่างเหมือนเหรียญสองด้าน ถ้าจะมองว่าเจ้าหน้าที่เอาอาวุธออกมาถูกต้องหรือไม่ อีกมุมมองหนึ่งคือผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่ แล้วต่อสู้เจ้าหน้าที่หรือไม่ ในภาวะนั้นต่างฝ่ายต่างผิด

“ในความเห็นส่วนตัวผมในฐานะนักกฎหมาย หลังเกิดเหตุวุ่นวายปราบกันเสร็จแล้ว ผมเคยเสนอในที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งผมก็เป็นเสียงเดียวและยังบอกว่าผมเสนอแปลก เกือบทั้งหมดไม่เห็นด้วย แล้วคนก็ค้านไม่พอใจด้วยซ้ำไป จะต้องนิรโทษกรรมกันทุกฝ่าย แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องปรองดองนะครับ มันมาถึงจุดที่ควรลบล้างกันไป อภัยให้แก่กัน การหันมาอภัยให้กันจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขขึ้น เพราะในฐานะนักกฎหมายเห็นว่าเรื่องที่เกิดความเห็นแตกแยกกันหนักขนาดนี้ วิธีที่ดีสุด คือ ต่างฝ่ายต่างถอยคนละก้าวและอภัยให้กัน ถ้าต่างฝ่ายต่างอ้างความยุติธรรมของตัวเอง มันก็จะเป็นความยุติธรรมในหมู่มาก มันไม่ใช่ความยุติธรรมโดยแท้จริง ความแตกแยกในชาติขนาดนี้และก้าวล้ำเข้าไปในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ดีที่สุดอภัยให้กัน และตอนนี้ก็ยังไม่สาย” นายธาริตกล่าว

เมื่อถามว่าจะนิรโทษกรรมให้ทุกฝ่ายทั้งคนที่ทำผิดกฎหมายเลยหรือไม่ นายธาริตกล่าวว่า ต้องมาดูว่าขนาด ไหนมันมีระดับดีกรีผู้ร่วมชุมนุมธรรมดา หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ได้มีเจตนาพิเศษที่จะฆ่าเขา แต่เป็นการป้องกันทรัพย์สิน หรือป้องกันไม่ให้บ้านเมืองวุ่นวาย ก็ควรนิรโทษหรือไม่เพื่อไม่ให้มีความผิดติดตัว ส่วนมีหัวโจกที่เป็นตัวร้ายเลยก็ต้องดูระดับ หลักใหญ่ต้องดูว่าจะอภัยกันหรือไม่ เมื่อถามว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลแล้วทำไมไม่เสนอ นายธาริตกล่าวว่า หน้าที่ตนเสนอไม่ได้ เพราะไม่มี ศอฉ.2 เมื่อถามว่า หากมีใครเสนอเรื่องนี้พร้อมสนับสนุนหรือไม่ นายธาริตกล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัว ตนไม่ใช่ฝ่ายการเมืองที่จะมีอำนาจในฐานะฝ่ายบริหารที่พูดว่าสนับสนุนหรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น