“พัลลภ” ระบุเหตุระเบิดกลางกรุง 3 จุดเรื่องจิ๊บจ๊อย ชี้ไทยไม่ใช่เป้าหมาย แค่เข้าออกง่ายทำคนร้ายชุกชุม แนะ จนท.ต้องเข้มงวด เชื่อบรรยากาศบ้านเมืองยังดูดี รัฐบาล-กองทัพหวานชื่น ยากจะมีรัฐประหาร
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่ จ.ลพบุรี พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิด 3 จุดในพื้นที่ กทม.และมีการจับกุมคนร้ายชาวต่างชาติได้ เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศเป้าหมายในการก่อการร้าย แต่เป็นที่สะสมของกลุ่มคนและวัตถุเครื่องมือ เพราะประเทศไทยค่อนข้างเสรีง่ายต่อการเข้า-ออก ซึ่งสิ่งที่ควรระวังคือเจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ชี้ให้เห็นการข่าวมีความบกพร่องหรือไม่ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่บกพร่อง เพราะวัตถุระเบิดที่พบถือว่าเล็กน้อย ไม่ใช่ขนาดใหญ่เป็นตัน จึงเป็นธรรมดาที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ก็ติดตามอยู่ แต่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้ประเทศมีปัญหาแต่อย่างใด
ต่อข้อถามว่ามองภาพความขัดแย้งในประเทศขณะนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่ได้ขัดแย้ง เรื่องของการหยอดนิดตอดหน่อยเป็นธรรมชาติของการเมือง ส่วนความเคลื่อนไหวการแก้ไขประมวลกฎหมาย มาตรา 112 นั้น ตนมองว่าเรื่องนี้ทุกคนไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว โดยเฉพาะรัฐบาลและกองทัพก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน รวมทั้งทหารแก่อย่างตนที่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง สำหรับการทำงานระหว่างรัฐบาลกับกองทัพยังเป็นไปได้ด้วยดี
ส่วนภาพที่ถูกมองว่ารัฐบาลกับกองทัพมีความระหองระแหงกันมาตลอดนั้น พล.อ.พัลลภกล่าวว่า กองทัพไม่เคยมีปัญหา หรือระหองระแหงกับรัฐบาล หากจะมีปัญหากันจริงคงเป็นเรื่องบุคคลมากกว่าองค์กร กองทัพต้องทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ แม้แต่ในประเทศคอมมิวนิสต์กองทัพก็ยังขึ้นอยู่กับรัฐบาล ไม่สามารถเป็นอิสระได้ มิเช่นนั้นประเทศก็อยู่ไม่ได้ จะเกิดเป็นรัฐซ้อนรัฐ
พล.อ.พัลลภกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไว้ใจได้ ในฐานะที่เป็นทหารเก่า เห็นว่า 17-18 ครั้งที่มีการรัฐประหารมานั้นเกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. มีการกระทำที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ 2. การทุจริตคอร์รัปชัน และ 3. ความแตกแยกของคนในชาติ ส่วนตัวตนเคยทำรัฐประหารมาแล้ว 3 หน เห็นว่าบรรยากาศวันนี้ยังไม่เข้าเงื่อนไข อย่างไรก็ตามตนอยากเห็นประเทศมีความมั่นคงสันติสุข