xs
xsm
sm
md
lg

ประชุมร่วมรัฐสภาแก้ รธน.สุดหงอย! ฉาวอีก ส.ส.ดูคลิปวาบหวิวฆ่าเวลา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประชุมร่วมรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2 ภาค 2 “สุทัศน์” เปิดฉากฟัด “นิคม” ส.ส.ปชป.รุมทวงรายงาน กมธ.แก้ไขคำแปรญัตติเพิ่มหรือไม่ ก่อนลงมติเห็นชอบร่าง มาตรา 4 331 ต่อ 112 เสียง จนเข้าสู่การอภิปรายมาตรา 291 ประเด็นที่มาและจำนวน ส.ส.ร.ขณะบรรยากาศห้องประชุมเงียบเหงา พท.ไร้ประท้วง ส.ส.บางคนหลับ บางคนคุยโทรศัพท์ แถมดูคลิปวาบหวิวในสมาร์ทโฟนฆ่าเวลา







วันนี้ (18 เม.ย.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 09.30 น.การประชุมร่วมกันของรัฐสภา พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ.... มาตรา 4 หมวด 16 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาตรา 291/1 ถึงมาตรา 291/17 ต่อเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา

ก่อนเข้าสู่การพิจารณา นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตำหนินายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ที่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พยายามเตะถ่วงการประชุมร่วมรัฐสภา โดยยืนยันว่า ส.ส.พรรคทุกคนอภิปรายตามข้อบังคับการประชุม โดยดำเนินการตามที่ได้สงวนความเห็นและเสนอคำแปรญัตติเอาไว้ ไม่ได้มีการอภิปรายนอกเหนือจากที่อยู่ในรายงานการประชุมแต่อย่างใด การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวถือเป็นการ “เอาดีเข้าตัวเอา เอาชั่วใส่คนอื่น”

นอกจากนี้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ทวงถามรายงานของกรรมาธิการ ว่า มีการแก้ไขคำแปรญัตติฉบับใหม่ หรือไม่ เพราะยังคงไม่มีอยู่ในรายละเอียด ซึ่ง นายสามารถ แก้วมีชัย ประธาน กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ ชี้แจงว่า ทางฝ่ายเลขาฯ และเจ้าหน้าที่กลุ่มงาน ได้ยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ โดยได้เชิญ กมธ.ทุกฝ่ายมาประชุมจนครบองค์ประชุมในช่วงสงกรานต์ ซึ่งที่ประชุมตอนนั้นก็เห็นชอบในการปรับปรุงรายงานแล้ว ทั้งนี้ เรายังยึดรายงานเป็นหลัก แต่ก็จะมีใบแก้ไขเพิ่มเติมมาแทรกได้ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้สงวนคำแปรญัตติให้มากที่สุด หากยังไม่ตรงก็เอาตามคำแปรญัตติที่เป็นเอกสารที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอมาเป็นหลัก ส่วนคนที่สงวนคำแปรญัตติด้วยวาจาสามารถตรวจสอบจากทางชวเลขได้

จากนั้นที่ประชุมได้มีการลงมติเห็นชอบตามร่างของ กมธ.ในมาตรา 4 ด้วยคะแนน 331 ต่อ 112 เสียง งดออกเสียง 7 และไม่ลงคะแนน 1 เสียง ขณะที่ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ลุกขึ้นชี้แจงหลังถูกพาดพิง ว่า ตนอยากเห็นการเมืองเป็นไปตามครรลองคลองธรรม การพิจารณากฎหมายเป็นไปด้วยความถูกต้อง ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะเข้าใจผิด ตนชื่นชมพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นพรรคเก่าแก่ มีหลักการ แต่ที่ผ่านมา สภาฯพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 5 มาตรา ใช้เวลาอภิปรายกว่า 2 วัน จากการติดตามการประชุม ตนเห็นว่า มีสมาชิกไม่ได้ทำตามข้อบังคับ ตนท้วงติงด้วยความเป็นห่วงภาพลักษณ์ของรัฐสภา ตนไม่มีเจตนาอื่น ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายรัฐสภาที่ตนเป็นสมาชิก ที่ผ่านมา ประธานในที่ประชุมก็ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะบางครั้งสมาชิกอภิปรายนอกเหนือจากที่สงวนคำแปรญัตติไว้ บางคนไม่ได้อยู่ในห้องประชุม ซึ่งตามข้อบังคับการประชุม การสงวนคำแปรญัติต้องตกไป แต่ประธานกลับอนุญาตให้ย้อนกลับมาอภิปรายได้ ทั้งนี้ ตนอยากให้ประธานยึดถือข้อบังคับให้เป็นหลัก ความปรองดองไม่ต้องเริ่มที่ไหน เริ่มที่ห้องนี้ ถ้าพิจารณาไปในทางเดียวกันก็จะไม่มีปัญหา แต่หากตนพูดอะไรที่ไม่ดี ก็ขอโทษพรรคประชาธิปัตย์ด้วย แต่วันที่ท่านเป็นรัฐบาล ตนนี่แหละเป็นคนช่วยท่าน

ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง กล่าวตอบโต้ว่า อยากให้สมาชิกแสดงความเห็นกันต่อหน้าแบบลูกผู้ชาย หากเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ทำตามข้อบังคับ ก็สามารถใช้สิทธิ์ประท้วงได้ทันที ไม่ต้องไปพูดข้างนอก หรือพูดเพื่อไปถึงใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนสถานะของตัวเองภายหลัง ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย และถ้าใครจะผิดหวังกับพรรคประชาธิปัตย์ ก็ผิดหวังไปเถอะ ด้าน นายนิคม ชี้แจงอีกครั้ง ว่า ตนไม่ชอบทำงานลับหลังใคร เพราะถือว่าผิดเพศ ชอบข้างหน้ามากกว่า และตนไม่เคยพาดพิง หรืออิงใคร ไม่หวังตำแหน่ง ซึ่งการกล่าวหาตน คนฟังจะเป็นผู้ตัดสิน สิ่งที่ตนพูด เพราะตนเป็น ส.ว.ไม่สังกัดพรรคการเมือง จึงอยากเห็นการเมืองเข้าสู่การพัฒนามากกว่า

จากนั้นที่ประชุมได้มีการพิจารณามาตรา 291/1 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทำหน้าที่จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามหมวดนี้ ประกอบด้วย สมาชิก (1) สมาชิกซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน จังหวัดละหนึ่งคน (2) สมาชิกซึ่งมาจากการคัดเลือกโดยที่ประชุมของรัฐสภา จำนวน 22 คน ซึ่งประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญสาขากฎหมายมหาชน จำนวน 6 คน ผู้เชี่ยวชาญสาขารัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ จำนวน 6 คน ผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย หรือการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 คน

ทั้งนี้ สมาชิกได้แปรญัตติ ทั้งให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.จากประชาชนโดยตรงเพียงอย่างเดียว เสนอให้มี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ให้มีจำนวนมากกว่า 77 คน และให้มีการเลือก ส.ส.ร.จากการสรรหา 22 คน ขณะที่มีบางส่วนเสนอให้เพิ่มจำนวน ส.ส.ร.ทั้ง 2 ประเภทขึ้นมาอีก

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. อภิปรายว่า ตามร่างของ กมธ.ที่เสนอให้มี ส.ส.ร.ทั้งหมด 77 คนนั้น ตนเห็นว่า ไม่สามารถจัดทำประชาพิจารณ์ได้ทั่วประเทศ เพราะมีน้อยเกินไป หากเพิ่ม ส.ส.ร.ให้มากพอ การทำประชาพิจารณ์ก็จะได้ประโยชน์มาก ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนสำคัญมาก เพราะการมีส่วนร่วมเท่านั้นที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ตัวเองเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ หากต่อไปใครจะมาล้มล้างรัฐธรรมนูญด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ประชาชนเขาจะออกมาต่อสู้ ไม่ได้เอาดอกไม้ หรือพวงมาลัย มาให้เหมือนตอนทำปฏิวัติ 19 ก.ย.49 อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยกับหลักการที่ให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง และมาจากการสรรหา ทั้งที่ใจจริงเห็นว่า ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้ง 200 คน โดยเลือกตามเขตพื้นที่ เพื่อให้เป็นไปตามเสียงเรียกร้องของประชาชน แต่ยังคง ส.ส.ร.ที่มาจากการสรรหาจำนวน 22 คน ไว้เหมือนเดิม เพื่อให้เห็นว่าเสียงข้างมาก และรัฐบาลรับฟังเสียงข้างน้อย และเสียงของประชาชน

ด้าน นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า เสนอให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจังหวัดละ 2 คน โดยให้ประชาชนมีสิทธิเลือก ส.ส.ร.ได้ 1 คน โดยยกเลิก ส.ส.ร.ที่มาจากการคัดเลือกจำนวน 22 คน เพราะเกรงว่าจะมีการล็อกสเปกจากฝ่ายการเมืองสอดแทรกเข้ามา ซึ่งการให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยกังวลว่า อาจจะไม่มีความรู้เรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญนั้น ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเราสามารถตั้งที่ปรึกษาสภา ส.ส.ร.ตั้งที่ปรึกษา กมธ.ไปช่วยยกร่าง หรืออนุ กมธ.ดึงคนมีความรู้มายกร่างก็สามารถทำได้ ไม่ได้เป็นที่น่าห่วงเหมือนกับที่ ครม.พยายามยกเหตุผลว่าทำไมต้องมี ส.ส.ร.มาจากการคัดเลือกของที่ประชุมรัฐสภา

ส่วน นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอให้มี ส.ส.ร.100 คน โดยมาจากการเลือกตั้งโดยตรง เพื่อให้มาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่แทนฉบับปี 50 โดยให้มีการรับฟังความเห็นประชาชน และการเลือกตั้งแต่ละจังหวัดให้คำนวณตามจำนวนราษฎรตามทะเบียนราษฎร หากไม่ครบ 100 คน จังหวัดไหนมีเศษมากที่สุดให้มีเพิ่มขึ้นอีก 1 คน และเพิ่มในจังหวัดลำดับรองลงมาจนครบจำนวน

นายเจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง กล่าวว่า การให้ ส.ส.ร.มาจากเลือกตั้งมี 77 คน จะขาดความยอมรับจากปประชาชนอีกส่วนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล เมื่อร่างเสร็จประชาชนอีกส่วนจะไม่ยอมรับก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งอีก พวกตนเสนอเพื่อต้องการให้เกิดการยอมรับ และแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ส่วนหนึ่ง คือ ให้มี ส.ส.ร.222 คน และห้ามประเภทบุพการีนักการเมืองมาเป็นด้วย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับได้ โดยมีกำหนดเวลา 240 วัน และเมื่อร่างเสร็จ ส.ส.ร.ห้ามลง ส.ส.-ส.ว.หรือลงเล่นการเมืองสมัยแรก

นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ สมาชิกต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุด แม้จะรู้ว้าแพ้เพื่อให้ประชาชนได้รู้ ควรให้ประชาชนเลือกทางออกให้กับประเทศด้วยการเลือก ส.ส.ร.เอง เพราะมีการล็อกสเปกได้ ทำไมไม่ยอมใช้โอกาสที่สังคมให้นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านโดยประชาชนและให้ประชาชนโดยภูมิภาคเข้ามาแทน 22 คนที่เลือกสรร

ทั้งนี้ บรรยากาศภายในห้องประชุมสภาเป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยมีทั้ง ส.ส.และ ส.ว.เข้าประชุมกันค่อนข้างหนาตา ขณะที่ ส.ส.จากทางพรรคเพื่อไทย ก็แทบจะไม่ลุกขึ้นมาประท้วงการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านแต่อย่างใด โดยภายหลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์ภาพหญิงสาวเซ็กซี่โผล่บนจอภาพกลางสภานั้น ก็ได้มีสมาชิกบางส่วนเดินออกมาพูดคุยภายนอกห้องประชุมกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งบางรายได้เดินทางมาที่ห้องสื่อมวลชน เพื่อขอดูภาพดังกล่าวด้วย เนื่องจากจังหวะที่เกิดภาพปรากฏนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก

นอกจากนี้ ยังเป็นที่สังเกตว่า บรรยากาศในห้องประชุมสภาช่วงบ่ายนั้น ค่อนข้างจืดชืด ส.ส.บางคนหลับ บางคนคุยโทรศัพท์ และมีบางคนดูคลิปวาบหวิวในโทรศัพท์มือถือของตัวเอง






ส.ส.พรรคเพื่อไทย คุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่สนใจการประชุม



ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ หัวหน้าพรรครักษ์สันติ หลับระหว่างการประชุม



ส.ส.บางคนดูคลิปวาบหวิวขณะประชุมสภาฯ



ส.ส.ประชาธิปัตย์ บางส่วนคุยโทรศัพท์ระหว่างการประชุม









กำลังโหลดความคิดเห็น