วานนี้(2 เม.ย.55)ในการประชุมวุฒิสภา ช่วงกระทู้ถามสด นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลนโยบายการจัดซื้อแท็บเล็ตกับการพัฒนาการศึกษาของไทย ว่า ประเด็นการพัฒนาการเรียนการสอนด้วยระบบแท็บเล็ต การพัฒนาครูเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เด็กนักเรียนสามารถพัฒนาการเรียนแบบก้าวกระโดดได้ แต่ตนยังห่วงในประเด็นภัยคุกคามทางอินเตอร์เน็ตที่อาจขึ้นกับเด็ก ทั้งนี้มีผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ทำในปี 25550-25551 พบว่าในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยกลายเป็นเหยื่อนของเทคโนโลยี ทำให้เด็กติดเกม ติดการพนันและนำไปสู่การติดยาเสพติด โดยขณะนั้นเด็กอายุเฉลี่ย 11ปีตกเป็นเหยื่อมากที่สุด ทั้งนี้ตอนท้ายของผลการวิจัยดังกล่าวระบุด้วยว่าในปี2555 นั้นอายุของเด็กที่ตกเป็นเหยื่อของเทคโนโลยีจะมีอายุเฉลี่ยน 5-9 ขวบ ดังนั้นประเด็นนี้รัฐบาลต้องตอบคำถามให้ชัดเจนด้วยว่าจะเน้นแอพลิเคชั่นหรือเน้นเนื้อหามากกว่ากัน
“ผมไม่อยากให้ซ้ำประวัติศาสตร์ความล้มเหลวของครูตู้ หากไม่สามารถเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางด้านการศึกษาไว้ ทั้งนี้รัฐบาลที่ผ่านมาได้ให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ วิจัยในประเด็นนี้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่ทราบว่ารัฐบาลปัจจุบันจะใช้ช่องทางการวิจัยนี้ มาศึกษาต่อและจัดระบบการศึกษาหรือไม่ รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อแท็บเล็ตรัฐบาลใช้แบบรัฐต่อรัฐ หรือบันทึกความร่วมมือ” นายตวงกล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ ชี้แจงว่า จุดเริ่มต้นเป็นการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน แต่เมื่อการเจรจาถึงกระบวนการที่รัฐบาลจีนได้คัดเลือกบริษัทเอกชนมาให้คณะกรรมการนโยบายแท็บเล็ตพิจารณา และท้ายสุดได้ลงความเห็นว่าจะให้รัฐบาลไทยทำสัญญากับบริษัทเอกชนดังกล่าว ซึ่งกระบวนการจัดซื้อที่จะเกิดขึ้น ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกรอบกฎหมาย โปร่งใส เบื้องต้นหากการเจรจาหรือทำสัญญาใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของ 2 ประเทศ ก็สามารถที่จะทำข้อตกลงร่วมกันได้
น.อ.อนุดิษฐ์ ชี้แจงต่อว่าสำหรับระบบปฏิบัติการ ได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น4.0 ทั้งนี้ในจะจัดสร้างคลังข้อมูลด้านการศึกษาระบบกลางให้แท็บเล็ตเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลเพื่อใช้ในการศึกษา ส่วนข้อกังวลเรื่องการใช้ช่องทางอิเล็คทรอนิกส์ที่ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อนนั้น ตนขอสรุปเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าแท็บเล็ตจะรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์เด็กนักเรียน ในถนนอิเลกทรอนิกส์เส้นพิเศษ เป็นเส้นสีขาว ซึ่งไม่สามารถวิ่งออกไปยังถนนเส้นอื่น หรือเส้นสีดำได้ ทำให้เด็ก ป.1จะรับแต่เรื่องที่ดีๆ เท่านั้น
ด้านนายสุชาติ ธาดาธํารงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าการเรียนการสอนด้วยแท็บเล็ต ผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจด้วย ทั้งนี้มีเครื่องแท็บเล็ตสำหรับครูจำนวน 6 หมื่นเครื่องจะส่งมาให้ครูได้ทดสอบและเรียนรู้ก่อนนำไปสอนเด็ก โดยแท็บเล็ตของครูจะถูกจัดส่งมาให้ประมาณวันที่ 4-5 เม.ย.นี้ จากนั้นจะมีการจัดอบรมวิทยากรแกนนำอย่างเข้มจำนวน 549 คนจาก 183 เขตการศึกษา เพื่อให้แกนนำดังกล่าวไปอบรมครูที่สอนในระดับชั้นป. 1 โดยใช้อัตราส่วน 1ต่อ100ดังนั้นจำทำให้ครูมีความรู้เรื่องนี้ 5.4หมื่นคน
“การใช้แท็บเล็ตเมื่อมีครูสอน ทำให้เด็กและครูฉลาดขึ้นมาก เราจะพยายามปรับเมมโมรีให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น เมื่อเด็กเรียนวิชาคณิตศาสตร์จบในระดับชั้น ป.1 แล้วและอยากเรียนต่อ เด็กเก่งคนนั้นสามารถเรียนวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นสูงขึ้นได้ ส่วนประเด็นแอพลิเคชั่น ทางกระทรวงศึกษาจะไม่สั่งซื้อ จะไม่จำกัดว่าเป็นของใคร เพราะอาจเกิดความไม่โปร่งใส ดังนั้นจึงให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียนและครูผู้สอนที่จะจัดหา เพราะผมเชื่อว่าผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนดี รักเด็ก และจะดูแลนักเรียนได้เป็นอย่างดี” นายสุชาติ กล่าว
“ผมไม่อยากให้ซ้ำประวัติศาสตร์ความล้มเหลวของครูตู้ หากไม่สามารถเตรียมความพร้อมของบุคลากรทางด้านการศึกษาไว้ ทั้งนี้รัฐบาลที่ผ่านมาได้ให้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ วิจัยในประเด็นนี้ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ ไม่ทราบว่ารัฐบาลปัจจุบันจะใช้ช่องทางการวิจัยนี้ มาศึกษาต่อและจัดระบบการศึกษาหรือไม่ รวมไปถึงกระบวนการจัดซื้อแท็บเล็ตรัฐบาลใช้แบบรัฐต่อรัฐ หรือบันทึกความร่วมมือ” นายตวงกล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ ชี้แจงว่า จุดเริ่มต้นเป็นการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน แต่เมื่อการเจรจาถึงกระบวนการที่รัฐบาลจีนได้คัดเลือกบริษัทเอกชนมาให้คณะกรรมการนโยบายแท็บเล็ตพิจารณา และท้ายสุดได้ลงความเห็นว่าจะให้รัฐบาลไทยทำสัญญากับบริษัทเอกชนดังกล่าว ซึ่งกระบวนการจัดซื้อที่จะเกิดขึ้น ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกรอบกฎหมาย โปร่งใส เบื้องต้นหากการเจรจาหรือทำสัญญาใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายของ 2 ประเทศ ก็สามารถที่จะทำข้อตกลงร่วมกันได้
น.อ.อนุดิษฐ์ ชี้แจงต่อว่าสำหรับระบบปฏิบัติการ ได้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชั่น4.0 ทั้งนี้ในจะจัดสร้างคลังข้อมูลด้านการศึกษาระบบกลางให้แท็บเล็ตเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลเพื่อใช้ในการศึกษา ส่วนข้อกังวลเรื่องการใช้ช่องทางอิเล็คทรอนิกส์ที่ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อนนั้น ตนขอสรุปเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าแท็บเล็ตจะรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์เด็กนักเรียน ในถนนอิเลกทรอนิกส์เส้นพิเศษ เป็นเส้นสีขาว ซึ่งไม่สามารถวิ่งออกไปยังถนนเส้นอื่น หรือเส้นสีดำได้ ทำให้เด็ก ป.1จะรับแต่เรื่องที่ดีๆ เท่านั้น
ด้านนายสุชาติ ธาดาธํารงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงว่า ยอมรับว่าการเรียนการสอนด้วยแท็บเล็ต ผู้สอนต้องมีความรู้ความเข้าใจด้วย ทั้งนี้มีเครื่องแท็บเล็ตสำหรับครูจำนวน 6 หมื่นเครื่องจะส่งมาให้ครูได้ทดสอบและเรียนรู้ก่อนนำไปสอนเด็ก โดยแท็บเล็ตของครูจะถูกจัดส่งมาให้ประมาณวันที่ 4-5 เม.ย.นี้ จากนั้นจะมีการจัดอบรมวิทยากรแกนนำอย่างเข้มจำนวน 549 คนจาก 183 เขตการศึกษา เพื่อให้แกนนำดังกล่าวไปอบรมครูที่สอนในระดับชั้นป. 1 โดยใช้อัตราส่วน 1ต่อ100ดังนั้นจำทำให้ครูมีความรู้เรื่องนี้ 5.4หมื่นคน
“การใช้แท็บเล็ตเมื่อมีครูสอน ทำให้เด็กและครูฉลาดขึ้นมาก เราจะพยายามปรับเมมโมรีให้เด็กสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง เช่น เมื่อเด็กเรียนวิชาคณิตศาสตร์จบในระดับชั้น ป.1 แล้วและอยากเรียนต่อ เด็กเก่งคนนั้นสามารถเรียนวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้นสูงขึ้นได้ ส่วนประเด็นแอพลิเคชั่น ทางกระทรวงศึกษาจะไม่สั่งซื้อ จะไม่จำกัดว่าเป็นของใคร เพราะอาจเกิดความไม่โปร่งใส ดังนั้นจึงให้เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการโรงเรียนและครูผู้สอนที่จะจัดหา เพราะผมเชื่อว่าผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นคนดี รักเด็ก และจะดูแลนักเรียนได้เป็นอย่างดี” นายสุชาติ กล่าว