ผ่าประเด็นร้อน
ได้เห็นข่าวออกมาจากกัมพูชาเมื่อวันก่อนว่า ฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาได้สั่งให้คนงานปรับที่ทางที่จังหวัดเสียมราฐ เพื่อเตรียมรองรับคนเสื้อแดงนับหมื่นที่จะยกโขยงกันไปคารวะ ทักษิณ ชินวัตร ที่เคารพรักดุจบิดาเนื่องในโอกาสวันเทศกาลสงกรานต์หรือปีใหม่ วันที่ 14-15 เมษายนที่จะถึงนี้เกิดความรู้สึกบอกไม่ถูก อย่างไรก็ดี ที่น่าสะทกสะท้อนใจ เมื่อได้ยินข่าวท่อนต่อไปก็คือ ทางฝ่ายกัมพูชากำลังเก็บรวบรวมขยะ การเร่งกวาดทุ่นระเบิดที่อาจหลงเหลืออยู่ให้หมดไปเพื่อความปลอดภัย
ตามข่าวดังกล่าวยังบอกด้วยว่าเป็นการต้อนรับแบบมิตรภาพ ไม่คิดค่าบริการค่าที่พัก ค่าเหยียบแผ่นดินแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี จากคำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพว่า คนเสื้อแดงที่แห่แหนกันเข้าสู่ดินแดนกัมพูชาในคราวนี้น่าจะได้รับอนุญาตให้พักอยู่ในที่โล่งแจ้ง หรือในเต็นท์กลางแจ้ง ซึ่งสถานที่จัดเตรียมเอาไว้รองรับนั้นก็คงเป็นสถานที่ว่างเปล่า เป็นที่รกร้าง เคยมีกองขยะปะปนอยู่เรี่ยราด แต่ถึงอย่างไรนั่นอาจไม่ใช่ประเด็น หากพิจารณาจากน้ำใจและการต้อนรับ เพราะหากไปวัดเอามาตรฐานคนรวย คนชั้นกลางที่เคยอยู่สุขสบายในเมืองไทย ได้เห็นภาพที่เกิดขึ้นก็อาจทำหน้าตาขยะแขยงก็เป็นได้ เพราะต้องไปนอนกลางดินกินกลางทราย ท่ามกลางแดดร้อนอบอ้าว ความเป็นอยู่ไม่สบาย
แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันจนต้องตั้งคำถามกันก็คือ มันเกิดภาพแบบนี้ได้อย่างไร เพราะแตกต่างกันสุดขั้ว ระหว่างคนจนติดดินหาเช้ากินค่ำแต่กลับหลงบูชาเศรษฐีรวยล้นฟ้า ที่ทำธุรกิจคิดแต่เรื่องกำไรอยู่ทุกนาที ทั้งเรื่องธุรกิจสัมปทานผูกขาด มาจนกระทั่งเข้าสู่ “ธุรกิจการเมือง” ที่เขาและครอบครัวมีแต่เรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
หรือแม้แต่ระหว่าง ทักษิณ กับ ฮุน เซน นี่ก็เป็นความสัมพันธ์พิลึก ซึ่งไม่รู้ว่าพวกคนเสื้อแดงจะรับรู้ข้อมูลหรือไม่ว่าทั้งสองคนนี้ในอดีตเคยคิดมุ่งหมายเอาชีวิต เพราะเรื่องผลประโยชน์ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่ ทักษิณ เสี่ยงเข้าไปทำธุรกิจสื่อสารในนามบริษัทชินวัตรเทเลลอมได้สัมปทานในเขมรในยุคฮุน เซน เป็นนายกฯ คู่แฝดให้สัมปทาน 99 ปี ต่อมาก็มีการเปลี่ยนใจลดลงมาเหลือ 30 ปี จนสร้างความโกรธแค้นจนมีรายการ “รัฐประหารรับจ้าง” จาก “นายพลสินสอง” แต่ก็ล้มเหลวจนต้องหนีเข้าไทย ซึ่งข้อมูลแบบนี้ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเสรฐ ที่มีข่าวร่วมขบวนการด้วยน่าจะยังจำได้ดี หรือแม้แต่เรื่องเผาสถานทูตไทยในพนมเปญในยุคที่ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ในคราวนั้นชาวเขมรนอกจากเผาสถานทูตไทยแล้วยังบังอาจไปเผาบริษัทของทักษิณ เข้าไปด้วยนี่สิ แต่ในที่สุดทุกอย่างก็เคลียร์กันได้
เวลานี้ทั้งคู่ต่างกลายเป็นเพื่อนรักแบ่งผลประโยชน์กันได้ลงตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อ จากศัตรูกลายเป็นมิตร และบางครั้ง ฮุน เซน ก็เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทยอย่างไร้มารยาทเสียด้วย
นั่นเป็นอดีตคร่าวๆ ที่สะท้อนออกมาให้เห็น เพื่อให้คนเสื้อแดงบางคนได้รับรู้เอาไว้ว่า หน้าฉากวันนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่ข้างหลังบ้าง
สำหรับการเดินทางไปพบกันของทั้งสองฝ่ายก็ช่างต่างกันสุดขั้ว ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะมีการแบ่งเกรดกันอย่างชัดเจน ฝ่าย “ไพร่กลายพันธุ์” ที่มีตำแหน่งแห่งที่มีระดับความสำคัญก็ตีตั๋วนั่งเครื่องบินพักโรงแรมติดแอร์เย็นสบาย แต่พวก “ไพร่ราบ” บ้านนอกต่ำชั้นอย่างมากก็ได้นั่งรถบัสนั่ง “หัวสั่นหัวคลอน” หลายชั่วโมง แถมไปถึงแล้วยังต้องนอนตากแดดตากน้ำค้างเพียงเพื่อได้ไปเห็นหน้าคนที่รักเคารพดุจบิดาให้ใกล้ที่สุดเท่านั้น
เมื่อภาพตัดมาอีกด้านหนึ่งก็จะได้เห็น “ไพร่ที่รวยที่สุด” นั่ง “เครื่องบินเจ็ต” ส่วนตัว หรูหรา โก้ เท่ เป็นแขกพิเศษของผู้นำกัมพูชา มันช่างหรูหราจนเคลิบเคลิ้ม
สองวันที่อยู่ที่นั่น คือ 14-15 เมษายนก็คงจะมีความดื่มด่ำกำซาบกับความหวังใหม่ และและเมื่อกลับมาในหัวก็มีแต่เรื่อง “ปรองดอง” เป็นเรื่องใหม่ คงไม่อยากพูดถึงกันแล้วว่า “อำมาตย์” นั้นเคยเอาเปรียบอย่างไร พิษร้ายของการก่อรัฐประหาร คมช.ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นั้นเป็นอย่างไรคงจะมีการพูดถึงน้อยลงไปแล้ว
ได้เห็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นมันก็ต้องสรุปได้ทันทีว่า แรงจูงใจของคนเสื้อแดงที่ออกมาก่อจลาจลทุกครั้งที่ผ่านมา สาเหตุที่แท้จริงไม่ได้มาจากเรื่อง ไพร่-อำมาตย์ แต่อย่างใดไม่ แต่เป็นเรื่องของวาทกรรมปลุกระดมของ ทักษิณ ที่ผ่านการเรียบเรียงของลิ่วล้อคนใกล้ชิด หลังจากได้สร้างภาพเจือจาน “โปรยทาน” ให้กับพวกรากหญ้าได้เห็น เพราะหากย้อนกลับไปในอดีตไม่นานเรื่องของความเป็น นักประชาธิปไตย สาธารณกุศลของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร แทบไม่ปรากฏ ตรงกันข้ามมีแต่ข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อฉล เลี่ยงภาษี ซุกหุ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่น่าเชื่อยังมีคนเสื้อแดงอีกไม่น้อยที่ไม่สนใจ ไม่เคยมานั่งคิดทบทวนว่า ธาตุแท้ของคนๆนี้เป็นอย่างไร
เห็นได้ชัดจากการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย ที่มี นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในรอบที่ผ่านมา 7-8 เดือนมีผลงานอะไรแตกต่างวิเศษไปจากคนอื่นบ้าง เพราะคนที่ได้ประโยชน์จริงก็มีอยู่คนเดียวคือ ทักษิณ หรืออย่างมากก็มีหัวโจกมีชื่อรวมอยู่ด้วยเท่านั้น และคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน อีกฝ่ายนั่งเครื่องบินเจ็ตหรู แต่บรรดาแดงไพร่กลับต้องกระเสือกกระสนนั่งรถยนต์กินฝุ่นหัวสั่นหัวคลอนเพื่อจะไปรดน้ำดำหัวไพร่ที่รวยที่สุด แถมยังต้องนอนตากแดดตากลม ถูกปลุกระดมให้สู้เพื่อคนในครอบครัวได้มีอำนาจและร่ำรวยต่อไป พิลึกจริง!!