ปรองดองอำมาตย์-ยก “บัง” เป็นฮีโร่ คนเสื้อแดงยังเจ็บไม่พอหรือ!!

ผ่าประเด็นร้อน

สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร และบรรดา “หัวโจก” มีชื่อทั้งหลายอาจเป็นเพราะมั่นใจว่าเป็น “เจ้าของ” คนเสื้อแดง สามารถชักจูงโน้มน้าวสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องรับฟัง หรือหยั่งความรู้สึกของพวกเดียวกันรอบข้างว่าจะมีความเห็นอย่างไร อาจเป็นเพราะคิดว่าที่ผ่านมาได้ตอบแทนคุ้มค่า หรือว่าไม่จำเป็นต้องสนใจแล้วก็ได้เพราะไม่มีความหมาย

อาจเป็นเพราะต้องการเร่งเกม “รวบรัด” การปรองดองให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เนื่องจากมีแรงกดดันจากรอบข้างรุมเร้าเข้ามามากขึ้นก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลงานของรัฐบาลน้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่นับวันยิ่งเผยให้เห็นความ “กลวง” ไม่อาจพึ่งพาได้เลย จากเดิมที่เคยโม้ว่าว่าจะ “กระชากค่าครองชีพ” ลงมา ผลก็ออกมาตรงกันข้าม เคยกล่าวโจมตีคนอื่นว่า “ดีแต่กู้” มาวันนี้เป็นไง มีแต่กู้แล้วก็กู้กู้ เท่านั้น

ขณะที่ราคาผลผลิตทางการเกษตรตามโครงการจำนำก็ส่อไปทางล้มเหลว ขายไม่ได้ราคา หรือถูกกดราคาจากพ่อค้า โรงสี อ้างโน่นอ้างนี่สารพัด สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ ทักษิณ ต้องเร่งแผนปรองดอง เพื่อเร่งปลดล็อกตัวเองเร็วเพื่อเข้ามาสั่งการได้โดยตรงก็เป็นได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

เริ่มตั้งแต่การปรองดองเอาใจผู้นำกองทัพ วางเฉยไม่พยายามสร้างความขัดแย้งเพิ่ม กองทัพเสนออะไรมาก็ไม่เคยขัด โดยเฉพาะโปรเจกต์การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กี่ล็อตส่วนใหญ่ก็มักผ่านฉลุย ต่างฝ่ายต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งในทางการเมืองก็พอเข้าใจได้ว่า ไม่อยากให้รัฐบาลอายุสั้น หรือเปิดศึกหลายด้าน

จากนั้นก็ “จูบปาก” กับอำมาตย์ จนกระทั่งมาถึงไฮไลท์สำคัญอย่างกรณี “บังสนธิ” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่เคยเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร พ้นอำนาจ มีการตั้งข้อหาฉกาจฉกรรจ์ จนต้องระเหเร่ร่อนมาจนถึงวันนี้ แต่กลายเป็นว่าคนแบบนี้กำลังกลายฮีโร่ในสายตาของพวกหัวโจกคนเสื้อแดงที่กำลังเสวยสุขเป็นรัฐมนตรี มีตำแหน่งทางการเมือง หลายคนกำลังเปลี่ยนเป็น “เศรษฐีใหม่-อำมาตย์ใหม่” กันอย่างสนุกสนาน รวมไปถึง รัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ชื่นชมยินดีและออกมาปกป้อง

บรรยากาศแบบนี้ช่างต่างกันลิบลับ พลิกผันเพียงชั่วข้ามคืน จากเคยด่าเช้า ด่าเย็นหาว่าเป็นหัวหน้าโจรปล้นประชาธิปไตย ทำลายรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เจอหน้าที่ไหนต้องเอา “ตีนตบ” ไล่ไปให้พ้น

สรุปให้เห็นภาพเหมือนกับเพลงลูกทุ่งสมัยก่อนก็คือเวลานี้ “เขากอดกันแน่แล้ว เขาจูบกันแน่แล้ว” อะไรประมาณนั้น!!

ขณะเดียวกัน เมื่อตัดภาพมาที่คนเสื้อแดงปลายแถว ประเภท “ไพร่ราบ” ที่กำลังประสบ “ชะตากรรมทราม” ทั้งถูกดำเนินคดี ติดคุกกันไปตามยะถากรรม ซึ่งก็แน่นอนว่าคนพวกนี้ล้วนแล้วแต่หาเช้ากินค่ำ ยากจนข้นแค้น แค่ในภาวะปกติธรรมดาก็เลือดตาแทบกระเด็นอยู่แล้ว นี่มาต้องขึ้นโรงขึ้นศาลลองนึกภาพดูก็แล้วกันว่าลำบากลำบนแค่ไหน ตอนแรกอาจจะคึกคักบรรยากาศการต่อสู้ยังไม่จางทำนอง “เรารักทักษิณ ทักษิณก็รักเรา เรารักประชาธิปไตย แดงทั้งแผ่นดิน” ยังคึกคักเลือดยังสูบฉีดพลุ่งพล่าน แต่พอเวลาผ่านไปชักเริ่มไม่สนุก ตัวเองลูกเมียต้องกินต้องใช้ ความเป็นจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้าว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” เป็นใครก็ต้องเริ่มเครียด

ส่วนพวกญาติพี่น้องคนที่สูญเสียบาดเจ็บล้มตาย ยิ่งทำใจลำบากกับข่าวการปรองดอง เพราะที่ผ่านมาได้รับการปลุกระดมให้เชื่อ “แบบฝังหัว” ว่า “ทหารฆ่าคนเสื้อแดง” เชื่อว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เป็นคนออกคำสั่งฆ่าดังกล่าว แต่จู่ๆกลายเป็นว่าให้ “เลิกแล้วต่อกัน” เจ๊าๆ กันไป ให้ลืมอดีตแล้วมองไปข้างหน้า ไม่อยากรู้แล้วว่า “อำมาตย์คนไหน” ที่เป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง อ้างดื้อๆว่าบ้านเมืองต้องปรองดอง นี่มันอะไรกันวะ ทำไมกลับตาลปัตรกลับหัวกลับหาง

แม้ว่าจะใช้เงินปิดปากด้วยการใช้เงินชดเชยกันแบบถึงขนาด หวังซื้อใจกันในระยะยาว แต่ถึงอย่างไรมันก็คงได้ผลในระดับหนึ่ง แต่สำหรับคนที่เชื่อฝังหัวว่า มีคนสั่งฆ่าเสื้อแดง ทำร้ายญาติพี่น้องของตัวเอง ต้องลากคอมาลงโทษ และคิดอยู่แล้วในใจว่าเป็นใครบ้าง แต่จู่ๆ เมื่อมีการออกกฎหมายนิรโทษฯมีเป้าหมายเพื่อให้ ทักษิณ ได้พ้นโทษ มันก็ต้องครอบคลุมไปถึงคนอื่นด้วย สาเหตุดังกล่าวนี่แหละที่ทำให้บรรดาคนเสื้อแดงหลายกลุ่มเริ่มรับไม่ได้ เพราะกลายเป็นว่าญาติพี่น้องของพวกเขาต้องตายฟรี โดยไม่รอให้มีการค้นหาความจริงเสียก่อน และรับรองว่าเหตุการณ์ที่ญาติพี่น้องของคนเสื้อแดงออกมาทวงถามความยุติธรรมที่สภาเมื่อวันก่อนจะไม่ใช่เป็นกรณีสุดท้าย ในทางตรงข้ามจะเริ่มเกิดขึ้นตามมาอีก

กลายเป็นว่าการนิรโทษ-ปรองดอง ที่กำลังเกิดขึ้นโดยคำสั่งให้ใช้เสียงข้างมากลากไป กำลังดำเนินไปสู่เป้าหมายเพื่อให้ ทักษิณ และหัวโจกเสื้อแดงพ้นผิด แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้คนเสื้อแดงที่เป็นระดับไพร่ปลายแถวต้องเจ็บปวด เพราะญาติพี่น้องของพวกเขาที่สูญเสียในเหตุการณ์ต้องมาตายฟรี เจ็บฟรี แม้ว่าจะได้รับเงินเยียวยา แต่ความรู้สึกที่เข้าใจมาตั้งแต่ต้นว่า “คนสั่งฆ่าลอยนวล” นี่สิมันทำใจยาก!!