xs
xsm
sm
md
lg

ฝากถาม สุเทพ-อภิสิทธิ์ ถ้าขึงขังตั้งแต่ต้น “แม้ว” ก็ไม่ทำเละแบบนี้!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
บ้านพระอาทิตย์

ต้องยอมรับว่าการอภิปรายในสภาฯ ของ สุเทพ เทือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน ระหว่างการพิจารณารับทราบผลการวิจัยของสถาบันพระปกเกล้าที่คณะกรรมาธิการปรองดองนำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน นำเข้ามาให้ที่ประชุมลงมติรับทราบนั้นเป็นการอภิปรายที่เข้มข้นและได้น้ำได้เนื้อและ “แสบทรวง” มากที่สุด อีกทั้งนับว่าได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ได้มากที่สุดครั้งหนึ่งเท่าที่เคยมีมา และมีการเปิดกว้างให้ชาวบ้านได้ได้ยินได้ฟังกันอย่างเต็มๆ และต่อเนื่อง โดยไม่มีการขัดจังหวะหรือประท้วงจากฝ่ายตรงข้ามเหมือนทุกครั้งผ่านมา

หลายคนที่ได้เห็นการอภิปรายของสุเทพ และอภิสิทธิ์ โดยเฉพาะสุเทพที่มีการไล่เรียงเหตุการณ์ รวมไปถึงมีการใช้เอกสารรูปถ่ายมาเป็นหลักฐานประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “รัฐไทยใหม่” ทักษิณ ชินวัตร อยากเป็นประธานาธิบดี ขบวนการล้มเจ้า ชายชุดดำที่ปะปนอยู่ในม็อบเสื้อแดงลอบยิงทหาร ทั้งที่สี่แยกคอกวัว และที่แยกราชประสงค์ มีการอธิบายกันเป็นฉากๆ เห็นภาพอย่างต่อเนื่อง ไหลลื่นไม่ติดขัด

อีกทั้งยังมีการออกท่าทางขึงขังว่าจะไม่ปรองดองกับทักษิณอย่างเด็ดขาด เพราะเป็นคนคิดร้ายต่อบ้านเมือง ถือว่าได้ใจคนจำนวนไม่น้อย ทำเอาซี้ดปากสะใจกันไปทั่ว ขณะเดียวกัน การอภิปรายเที่ยวนี้ยังได้ “ถอนหงอก” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คนที่เคยเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารขับไล่ ทักษิณ ชินวัตร มากับมือ และก่อนหน้านี้ ทั้ง ทักษิณ และลิ่วล้อก็ออกมาด่าเช้าด่าเย็น แต่มาวันนี้กลับปรองดองกันหน้าตาเฉย

สรุปแบบรวบรัดตัดความก็ต้องบอกว่า การสวมบทบาทฝ่ายค้านในสภาของสุเทพ เมือกสุบรรณ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ เที่ยวนี้ “ได้น้ำได้เนื้อ” และเอาจริงเอาจัง รวมทั้งกล้าหาญกว่าทุกครั้ง ขณะเดียวกัน ไม่รู้ว่าเกิดอีท่าไหนทำให้ฝ่ายพรรคเพื่อไทยยอมปล่อยให้มีการ “ซัดแม้ว” ได้ลากยาวอย่างเต็มพิกัดชนิดที่ให้แลกกันเต็มเหนี่ยว กลายเป็นว่าหากพิจารณากันตามความรู้สึกก็ต้องบอกว่า ฝ่ายแม้ว “พลาด” อย่างมหันต์ เพราะเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพว่าทักษิณต้องการ “คิดการใหญ่” อย่างไร ใช้มวลชนคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมืออย่างไรบ้าง มีการแฉ เปิดโปงให้เห็นอย่างจะจะ

ที่สำคัญทำให้ ทักษิณ ชินวัตร สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง การอภิปรายในวันนั้นทำนาให้ชาวบ้าน “ตาสว่าง” เพิ่มมากขึ้นอีกมากโขอยู่เหมือนกัน

นั่นเป็นบทบาทของสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ที่ถือว่ามีอำนาจมากที่สุดในรัฐบาลที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องแปลกอย่างยิ่งที่ก่อนหน้านี้คำพูดและท่าทีดังกล่าวของทั้งสุเทพ และอภิสิทธิ์ น่าจะแข็งกร้าวและเอาจริงเอาจังอย่างที่เห็นในสภาเมื่อวันก่อน รวมไปถึงบทบาทของ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูเหมือนกับว่าเพิ่งจะรู้เท่าทัน เครือข่ายทักษิณ เพราะเท่าที่สำรวจเวลานี้ ก็ได้เห็นเครือข่าย สุเทพ ออกมาชนกันชนิดทุกลูกทุกดอก เมื่อก่อนเคยเห็น “สามเกลอ” โผล่ตามหน้าจอบิดเบือนปลุกระดมเสื้อแดง แต่วันนี้เราก็ได้เห็น “สายล่อฟ้า” ออกมาแก้ต่างและโจมตี ทักษิณ รัฐบาลที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กันอย่างถึงลูกถึงคน

บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้านทั้งในเรื่องการเข้าถึงพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตอนเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ เหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ และล่าสุด สุเทพ-อภิสิทธิ์ ก็ได้โชว์บทบาทในสภาถล่มทักษิณ หัวโจกคนเสื้อแดง โดยเฉพาะจตุพร พรหมพันธุ์ ในวันนั้นหากพิจารณากันตามเนื้อหาสาระเทียบกันแล้ว จตุพรก็ไปไม่เป็น ทำได้เพียงแค่สร้างราคาให้กับตัวเองเท่านั้น

คำถามก็คือ ทำไม ทั้งสุเทพ และ อภิสิทธิ์ เพิ่งเปิดโปง โชว์หลักฐานความจริงให้สังคมได้เห็นกันจะจะ และเอาจริงเอาจังกันในตอนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตัวเองมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ แต่กลับทำแบบยึกๆ ยักๆ สู้ๆ และหยุด หรือสู้แล้วถอย เหมือนกับว่ามีการประนีประนอมกับโจร หวังว่าให้โจรกลับใจ และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือสงสัยกันว่าไป “สวมรอยโจร” เสียอีก โดยเฉพาะเมื่อได้ยินการแฉออกมาจากฝั่งเขมรจาก ซกอาน ลูกน้องคนสนิท ฮุนเซน ที่เคยอ้างว่า สุเทพ เคยแอบไปเจรจาลับเรื่องผลประโยชน์พลังงานในอ่าวไทย แม้จะอ้างว่าไม่ใช่ลับก็ตาม แต่ก็ทำให้สงสัยว่าทำไมต้องเร่งรัดรวบรัดจนผิดสังเกตในช่วงที่กำลังจะพ้นหน้าที่ไป

ที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นการเอาจริงเอาจังเหมือนกับในช่วงตอนนี้ ตอนที่กำลังจะถูกทักษิณไม่ยอมแตะมือญาติดีด้วย ตรงกันข้ามกำลังถูกไล่ต้อนเข้ามุมเมื่ออำนาจรัฐเปลี่ยนมือ และกำลังมีการรื้อคดีจากเหตุการณ์จลาจลเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ทั้งสุเทพ และ อภิสิทธิ์ ต้องเดินไปให้ปากคำและถูกดำเนินคดีฐานสั่งฆ่าคนเสื้อแดง ดังที่จตุพรกำลังพูดซ้ำๆ ว่าเป็น “ฆาตกร” นั่นแหละ เป็นเพราะทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตร ตัวเองกำลังถูก ทักษิณ ไล่ต้อนจนมีพื้นที่จำกัด ทำให้ต้องหันกลับมาสู้ยิบตาเพื่อเอาตัวรอดหรือไม่

เพราะถ้าพิจารณากันตามความเป็นจริง กว่า 2 ปี 7 เดือนที่ สุเทพ และอภิสิทธิ์ มีอำนาจรัฐอยู่ในมือเอาจริงเอาจังกับการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเป็นธรรม ไม่ใช่สู้ๆ หยุดๆ เพื่อหวังปรองดองกับโจร หรือให้โจรกลับใจ เพื่อที่ตัวเองจะเข้าไปมีประโยชน์บางอย่าง หวังเพียงแค่ไม่ใช่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อให้ร้ายทำลาย แต่ต้องการแค่เปิดโปงความจริงให้ชาวบ้านได้รู้อย่างต่อเนื่องและเข้มข้นอย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ แต่ความหมายก็คือทุกอย่าง “มันช้าไป” เพราะถ้าทำแบบนี้มาตั้งแต่แรก มันก็คงไม่ทำให้ ทักษิณ ได้ทำลายบ้านเมืองจนย่อยยับอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็เป็นได้!!
 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
กำลังโหลดความคิดเห็น