xs
xsm
sm
md
lg

“สุณิสา” แขวะ ปชป.ป่วย “ทักษิณ ซินโดรม” ท้าพิสูจน์โจรกลับใจร่วมปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุณิสา เลิศภควัต
“หมวดเจี๊ยบ” ให้โอกาส ปชป.เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อพิสูจน์ความเป็นโจรกลับใจ เพื่อเข้าสู่กระบวนการปรองดองพรุ่งนี้ อ้างเสียงข้างมากในสภาฯ เป็นตัวชี้วัด เตือนอย่าใช้กฎหมู่ล้อมกรอบ ปธ.กมธ.ปรองดองอีก แขวะสงสัยป่วยเป็นโรค “ทักษิณ ซินโดรม” ‏

วันนี้ (3 เม.ย.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 4 เมษายนนี้ จะเป็นโอกาสของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะพิสูจน์ความจริงใจในการปลดล็อกวิกฤตของประเทศด้วยการเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์กำลังโดดเดี่ยวตัวเอง เนื่องจากขณะนี้ผู้ที่เคยเป็นแนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้เปลี่ยนท่าที เนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่าประเทศควรเข้าสู่การปรองดอง ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะให้ความร่วมมือในการเริ่มต้นกระบวนการปรองดองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้าได้ และหวังว่าประชาชนคงไม่ได้เห็นพฤติกรรมที่ไร้มารยาท ขาดวุฒิภาวะ ในรัฐสภา แบบที่เคยเกิดขึ้นในการล้อมกรอบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เหมือนที่ผ่านมา

ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวต่อว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับประเด็นใด ก็ควรโต้แย้งโดยการใช้เหตุผลไม่ใช่ด้วยการใช้อารมณ์ และควรหยุดกล่าวหาว่าการปรองดองเป็นความต้องการของพรรคเพื่อไทยฝ่ายเดียวได้แล้ว ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ควรทบทวนวิธีคิดและวิธีมองโลกของตนเองว่าอาจมีปัญหา เพราะแนวร่วมในอดีตของพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมากได้หันหลังให้กับแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มจากเมื่อครั้งที่มีการลงมติรับร่างแก้ไข รธน. ที่พรรคเพื่อไทยได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นถึง 399 เสียงต่อ 199 เสียง โดยเสียงที่เพิ่มขึ้นก็มาจากสมาชิกพรรคฝ่ายค้านและกลุ่ม ส.ว. ซึ่งมีอิสระในการตัดสินใจและพรรคเพื่อไทยไม่สามารถไปบังคับให้แสดงความคิดเห็นในทางใดได้ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าแนวคิดเรื่องการแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศไม่ใช่ความคิดของพรรคเพื่อไทยกลุ่มเดียว แต่เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศที่สะท้อนผ่านตัวแทนของพวกเขา คือ ส.ส. และ ส.ว. ในรัฐสภา การประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 เมษายนนี้ จะเป็นโอกาสในการพิสูจน์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นโจรกลับใจได้หรือไม่

นอกจากนี้ ร.ท.หญิง สุณิสายังกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามทำลายความน่าเชื่อถือในตัวนักวิจัยของสถาบันพระปกเกล้า และกดดันให้สถาบันพระปกเกล้าซึ่งเป็นเจ้าของงานวิจัยถอนรายงานการวิจัยออกไปจากรัฐสภานั้น ถือเป็นการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการอย่างหนึ่งหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ควรตอบคำถามว่านี่เป็นการใช้อำนาจในฐานะกรรมการสภาของสถาบันพระปกเกล้า รังแกนักวิจัยที่เป็นเจ้าของผลงานวิชาการชิ้นนี้หรือไม่ และอยากทราบว่า เบื้องหลังการออกแถลงการณ์ของสถาบันพระปกเกล้าที่ระบุว่าจะถอนรายงานวิจัยหากมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์นั้น เป็นเจตนารมณ์ที่แท้จริงของสถาบันพระปกเกล้า หรือเป็นแถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังสวมเสื้อคลุมของสถาบันพระปกเกล้ากันแน่ อยากทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังยัดเยียดความคิดของตนเองว่าเป็นความคิดของสถาบันพระปกเกล้าใช่หรือเปล่า ไม่เช่นนั้นเหตุใดนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์จึงแสดงความมั่นอกมั่นใจราวกับรู้ผลล่วงหน้าว่าสถาบันพระปกเกล้ามีแนวคิดที่จะถอนรายงานวิจัยจากการพิจารณาของรัฐสภา โดยออกมาพูดก่อนการประชุมของสภาสถาบันพระปกเกล้าด้วยซ้ำ อยากให้นายอภิสิทธิ์ออกมายืนยันด้วยว่ามีการเมืองเข้าไปแทรกแซงการตัดสินใจของสถาบันพระปกเกล้าหรือไม่ เพราะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า จึงควรแสดงความโปร่งใสว่าไม่ได้ครอบงำหรือแทรกแซงการตัดสินใจของสภาสถาบันอย่างไม่ถูกต้อง หรือมีพวกเผด็จการแต่สวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยนั่งอยู่ในที่ประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้าบ้างหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ควรชี้แจงต่อสังคมด้วย

ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้ใช้เหตุระเบิดภาคใต้มาเล่นการเมืองว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น พรรคประชาธิปัตย์จะอ้างว่าไม่ได้ฉวยโอกาสทางการเมืองได้อย่างไร ในเมื่อนายอภิสิทธิ์ส่งสัญญาณให้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์โจมตีนายกรัฐมนตรีว่า ไม่มีภาวะผู้นำเพราะไปถึงพื้นที่เกิดเหตุช้ากว่านายอภิสิทธิ์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผล และมีอคติ เพราะการชี้วัดถึงความเป็นผู้นำหรือความสนใจปัญหาระเบิดภาคใต้ ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าใครไปถึงที่เกิดเหตุก่อนหรือหลัง แต่ต้องดูที่เนื้อหาสาระในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องการจัดหาสถานพยาบาลรองรับผู้บาดเจ็บ การอำนวยความสะดวกในเรื่องค่ารักษาพยาบาล และมาตรการเยียวยาเหยื่อจากเหตุการณ์ รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งในช่วงแรกของเหตุการณ์ นายกฯ ย่อมต้องอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อเป็นหลักในการอำนวยการและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาพรวม ทำให้ไม่สามารถเดินทางลงพื้นที่ได้ในทันที แต่ก็ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ในทันทีหลังเกิดเหตุ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังบิดเบือนว่านายกฯ ไม่ให้ความสำคัญ แล้วนายอภิสิทธิ์จะมาอ้างว่าไม่ได้ใช้เรื่องระเบิดมาเล่นการเมืองได้อย่างไร

ล่าสุดก็ยังสร้างประเด็นการเมืองเรื่องใหม่ โดยการโยงเหตุระเบิดภาคใต้ว่าเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยอ้างว่ามีการวางระเบิดเพราะไม่พอใจ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงให้เห็นถึงกระบวนการคิดที่มีปัญหาของพรรคประชาธิปัตย์ อาจเพราะป่วยเป็นโรคทักษิณ ซินโดรม กันทั้งพรรค จึงมองปัญหาทุกอย่างในโลกว่ามีสาเหตุมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณไปหมด ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอเตือนว่า ความหวาดกลัว พ.ต.ท.ทักษิณเกินเหตุ จะลดความสามารถในการใช้สมองของพวกท่าน ทำให้วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างๆ ผิดเพี้ยนไปหมด การวางยุทธศาสตร์ต่างๆ ก็จะไม่ได้ผล เรื่องที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์เคลื่อนไหวเรียกร้องเปิดอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบในภาคใต้นั้น หากมองผิวเผินก็ดูคล้ายจะหวังดี ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็หวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีความจริงใจ และมีวิธีแก้ปัญหาอยู่ในมือแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่หวังใช้เวทีรัฐสภาเพื่อใส่ร้ายป้ายสี หรือโยนความผิดให้บุคคลอื่นอย่างไม่เป็นธรรม และหวังว่าคงไม่มีการแต่งนิทานฆาตกรรม ที่เขียนบทให้นายอภิสิทธิ์เป็นพระเอก แล้วป้ายสีคนอื่นว่าเป็นผู้ร้าย โดยเฉพาะการแต่งเรื่อง เพื่อโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นสาเหตุของการวางระเบิด เพียงเพื่อด่ากระทบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย เพราะมันเป็นอาการของผู้ป่วยด้วยโรคทักษิณ ซินโดรม และหากไม่ยอมรักษาก็จะทำให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค คือนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ มีปัญหาเกี่ยวกับวิธีคิดที่ผิดเพี้ยนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จนมองไม่ออกว่าตัวเองกำลังเหยียบคราบเลือดของเหยื่อจากเหตุระเบิดภาคใต้เป็นเครื่องมือในการแสวงประโยชน์ทางการเมืองอยู่หรือไม่

ส่วนกรณีที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์โจมตีตน ซึ่งทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกพรรคนั้น ตนก็ไม่รู้สึกโกรธ และให้อภัย เพียงแต่อยากถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค ว่าสมควรหรือไม่ ที่โฆษกพรรคตอบโต้ผู้ที่มีความเห็นแตกต่างด้วยการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ หยาบคาย หรือรุนแรง ทั้งๆ ที่สามารถโต้แย้งด้วยหลักเหตุผล ไม่ใช่การใช้อารมณ์ แสดงความเกรี้ยวกราดต่อกัน ใครจะเป็นคนดีหรือคนเลว สังคมจะเป็นคนตัดสินได้เองจากข้อมูลที่แต่ละพรรคนำมาแสดง ใครโกหก เมื่อสังคมจับได้ บุคคลนั้นก็จะล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปเอง อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่ตนเองก็จะไม่ย่อท้อ และจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปด้วยความอดทน และเมื่อใดก็ตามที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีพรรคเพื่อไทยอย่างไม่เป็นธรรม ตนก็จะไม่หยุดที่จะนำความจริงและเหตุผลมาหักล้างให้ถึงที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น