“ณัฐวุฒิ” จวกประชาธิปัตย์ไม่จริงใจปรองดอง จ้องล้างผลาญ “ทักษิณ” แฉมีพวกสร้างวิกฤติฉวยโอกาสปลุกความขัดแย้ง บอก “มาร์ค” ได้ประโยชน์มากพอแล้ว จี้ถอยคนละก้าว อย่าทำลายโอกาสสุดท้ายประชาชน จี้ยอมรับกระบวนการสภา ป้อง “บิ๊กบัง” อ้างปฏิเสธข้อเสนอไม่ได้ ลั่นใครเบื้องหลังปฏิวัติไม่สำคัญเท่าจัดโครงสร้างสังคมใหม่ หนุน “แม้ว” คุย “ป๋า” ค้านถอนร่าง ส.พระปกเกล้าออกสภา
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.20น. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำ นปช. กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เรียกร้องให้คณะผู้วิจัยสถาบันพระปกเกล้า และคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ ถอนผลการวิจัยออกจากที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 เม.ย.ว่า บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาโดยเฉพาะช่วงไม่กี่วันก่อน ชัดเจนว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ตกผลึก ไม่ได้จริงใจที่จะเข้าร่วมกระบวนการปรองดองเลย ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่กับการจองล้างจองผลาญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่เช่นเดิม
“คนในพรรคประชาธิปัตย์น่าจะทบทวนครั้งใหญ่ เพราะตอนเป็นรัฐบาล ประชาชนจำผลงานได้อันดับหนึ่งคือการตามไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ พอมาเป็นฝ่ายค้านเขาจะเดินหน้าเรื่องการปรองดอง พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังแสดงท่าทีเดิมยึดติดตลอดเวลา เป็นเงื่อนไขเดียวคือจองเวร พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ ทั้งที่การปรองดองเป็นเรื่องใหญ่ของคนทั้งประเทศมากมายกว่าความเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสคือสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ แต่วันนี้มีคนพยายามสร้างวิกฤตเพื่อฉวยโอกาส วิกฤตทางการเมืองตลอด 6 ปีที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ได้รับประโยชน์สูงสุดมามากพอแล้ว วันนี้ถึงเวลาที่ทุกคนทุกฝ่ายต้องถอยออกไปคนละก้าว อยากให้พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์คืนประโยชน์และกิเลสทางการเมือง แล้วเปิดโอกาสให้ประชาชนและประเทศไทยได้หายใจกันบ้าง” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สำหรับข้อสังเกตและข้อเสนอต่างๆ ของทุกฝ่าย เวทีของสภาเปิดกว้างอยู่แล้วคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ไปใช้เวทีตรงนั้น แต่ไม่ใช่ว่าพยายามจะเบี่ยงเบนประเด็นให้เป็นเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างเดียวแล้วนำมาสร้างเงื่อนไขให้เกิดวิกฤตความขัดแย้งรอบใหม่ ขอให้หยุดได้แล้วการสร้างวิกฤตเพื่อฉวยโอกาส วันนี้ประเทศไทยแทบจะไม่เหลือโอกาสที่จะเกิดความปรองดองอยู่แล้ว อย่าทำลายโอกาสสุดท้ายของประชาชน ส่วนที่ พล.ต.สนั่นระบุว่าถ้าดื้อดึงพิจารณาผลการวิจัยต่อไปจะเกิดความขัดแย้งจากในสภาลามไปสู่นอกสภาจนปะทะกันวิกฤตมากกว่าปี 2553 นั้น ถ้าเราตั้งใจใช้เวทีสภาแสดงเหตุผลและข้อเท็จจริง และยอมรับในกระบวนการนี้มันจะไม่มีวิกฤติลุกลามบานปลาย นอกจากว่าจะมีความพยายามโหมกระพือไฟวิกฤตจากข้างนอกแล้วสร้างกระแสในสภาเป็นตัวผลักดัน ความจริงวันที่ 4 เม.ย.จะมีการประชุมเพื่อหารือแนวทางที่จะดำเนินการเรื่องความปรองดอง ไม่ได้ไปไกลถึงการออก พ.ร.ก.หรือ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม แต่วันนี้บางฝ่ายกลับไปสร้างเส้นชัยของตัวเองชี้กันเองสรุปกันเอง
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนการเรียกร้องให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.เปิดเผยเบื้องหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย.49 นั้น ตนเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก และความจริงก็ยังคงเป็นความจริงอยู่ วันนี้การหาเบื้องหลังไม่สำคัญเท่ากับเบื้องหน้าที่รออยู่ภายใต้คำว่าปรองดอง ประเทศไทยจะมีโอกาสหรือไม่ และสาระหลักของความขัดแย้ง ใครอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติไม่สำคัญเท่ากับการจัดโครงสร้างทางอำนาจของ สังคมไทยใหม่ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความแตกต่าง ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเกิดความปรองดอง ส่วนข้อเสนอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาพูดคุยกันนั้น ยังไม่เคยเกิดขึ้นนับแต่มีความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นก็อาจเป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศแห่งการปรองดองได้
“วันนี้การไปหาความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังปฏิวัติ มันไม่สำคัญเท่ากับว่าเบื้องหน้าที่รออยู่ภายใต้คำว่าปรองดอง ประเทศไทยจะมีโอกาสหรือไม่ วันนี้ถ้าไม่เห็นทางปรองดอง ผมว่าก็ยังไม่ใช่วิธีการที่จะเป็นทางออกของประเทศได้ วันนี้สาระหลักเรื่องความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติ แต่มูลเหตุใหญ่ที่สุดความขัดแย้งทางการเมืองเป็นโครงสร้างทางอำนาจของสังคมไทย เป็นเรื่องของคนชนชั้นนำกับคนชนชั้นล่าง โคจรมาถึงจุดปะทะ สังคมขยายตัว จึงทำให้ชนชั้นล่างเติมโตขึ้นในเชิงความรู้ความเข้าใจทางการเมือง ช่องว่างของ 2 ชนชั้นแคบลง สังคมจึงต้องการการปรับตัวเป็นธรรมดา ดังนั้นใครอยู่เบื้องหลังจึงไม่สำคัญเท่ากับการจัดโครงสร้างสังคมใหม่ เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีความปรองดองเกิดขึ้น” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า กระบวนการในรัฐสภาจะนำไปสู่ความปรองดองได้หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ข้อเสนอแนะของ พล.ต.สนั่นยังไม่เคยเกิดขึ้น ตั้งแต่มีความขัดแย้งทางการเมือง ดังนั้นอาจจะเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสร้างแนวทางความปรองดองได้ แต่ขณะนี้เห็นว่าทุกฝ่ายยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งยังเป็นปัญหาใหญ่ ที่ผ่านมาทุกฝ่ายพยายามส่งสัญญาณสร้างความปรองดอง แต่สัญญาณจากพรรคประชาธิปัตย์ยังคงเป็นสัญญาณเดิมและสัญญาณเดียวมาตลอด ทั้ง ๆ ที่ก็ได้อะไรไปมากพอแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่รู้สึกว่าเรากลืนน้ำลายตัวเองหรือถ่มน้ำลายรดฟ้าหรือ ที่วันนี้เราต้องมาสนับสนุนแนวทางของคนที่เราเคยด่าจะเป็นจะตายในช่วงหนึ่ง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ถ้า พล.อ.สนธิ เสนอแนวทางว่าบ้านเมืองนี้จะต้องปฏิวัติอีกครั้ง ตนจะสู้กับ พล.อ.สนธิเอง แต่วันนี้ พล.อ.สนธิเสนอว่าบ้านเมืองต้องปรองดอง ตนปฏิเสธสิ่งที่ พล.อ.สนธิเสนอไม่ได้
“สิ่งที่ พล.อ.สนธิ ทำเมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ตลอดชาติผมก็ไม่มีทางยอมรับ แต่วันนี้ พล.อ.สนธิบอกว่าจะร่วมกันสร้างความปรองดอง ก็เป็นเรื่องที่สังคมควรให้การสนับสนุน หรือหากเป็นคนเสื้อแดงที่จู่ๆ วันนี้ออกมาเสนอให้ทหารปฏิวัติ ก็ถือว่าคนนั้นเราขาดกันในเรื่องจุดยืนทางการเมือง ดังนั้นเรื่องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องเนื้อหาสาระมากกว่า” นายณัฐวุฒิกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสถาบันพระปกเกล้าดึงผลวิจัยออกมาจะทำให้การปรองดองสะดุดหรือไม่ เพราะล่าสุดมีข่าวว่าสถาบันพระปกเกล้ากำลังหารือกันในเรื่องนี้ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้ทุกฝ่ายจะทำอะไรก็สามารถทำกันได้หมด เพียงแต่ว่าอย่าล้มกระดานปรองดองเท่านั้น ทุกคนต้องช่วยกันรักษาเวที ช่วยสร้างบรรยากาศ ไม่ใช่เอะอะก็จะรื้อเวทีเพื่อทำลายบรรยากาศ เมื่อถามว่า หากสถาบันพระปกเกล้าถอนงานวิจัยออก ถือว่าเป็นการล้มกระดานปรองดองเลยใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่เห็นท่าทีอย่างนี้ของสถาบันพระปกเกล้าอย่างชัดเจน แต่คิดว่าเรื่องการสร้างความปรองดอง น่าจะรักษาไว้ในเวทีของสภา ใครจะว่ากันอย่างไรก็ไปว่ากันในสภา
“วันนี้ผมว่ามันยังไม่ควรมีใครถอนอะไรทั้งนั้น พรรคประชาธิปัตย์ที่ถอนตัวลาออก ผมก็ว่าไม่ควร และสถาบันพระปกเกล้าที่มีคนบอกว่าให้ถอนร่างออกจากสภา ผมก็ว่าไม่ควร เพราะเริ่มต้นด้วยวิธีการเช่นนี้ หากจะกลับเข้ามาเดินอีกมันก็จะเดินยาก ควรช่วยกันประคับประคองดีกว่า ไม่ใช่อะไรก็เอะอะตัดเชือก แบบนี้เวทีปรองดองจะไม่เหลือพื้นที่” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่า แต่บางฝ่ายมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคลื่อนไหวมากเกินไปกระทบต่อการปรองดอง นายณัฐวุฒิกล่าวว่า บางฝ่ายพยายามตีความทุกฝีก้าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนัยยะทางการเมืองทั้งหมด ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แค่พยายามติดต่อคนที่ใกล้ชิดผูกพัน และพยายามหาโอกาสได้รับความเป็นธรรมจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง เมื่อประชาชนที่รักใคร่ชอบพออยากไปรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณ คนใกล้ชิดประชาชนก็ต้องพยายามอำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำตัวหายไปจากโลก ฝ่ายตรงข้ามก็จะมองว่ากำลังซุ่มเพื่อสร้างสถานการณ์ครั้งใหญ่อีกหรือไม่ เราจะผูกทุกเรื่องไว้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ ต้องเอาประเทศไทยนำหน้า