“เฉลิม” มึน “เสธ.หนั่น” พูดขัดแย้งกันเอง เคยบอก “ป๋าเปรม” ไม่เกี่ยวปฏิวัติ แต่เสนอให้ดึงมาคุยกับ “ทักษิณ” แก้ขัดแย้ง เย้ย กมธ.ปรองดอง ไม่มีวันทำสำเร็จ ขณะเดียวกันการันตี “ปู” ไม่เสี่ยงโดนข้อหาผลประโยชน์ทับซ้อน ออก พ.ร.ก.ช่วยพี่ชายพ้นผิด ย้ำปรองดองต้องออก พ.ร.บ.ให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ ไม่เฉพาะคนใดคนหนึ่ง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถาบันพระปกเกล้า อาจจะถอนผลสรุปงานวิจัยปรองดอง ที่ได้ยื่นต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่าเสียงส่วนใหญ่ที่ดำเนินการตามข้อเสนอจะนำไปสู่ความขัดแย้งยิ่งกว่าเดิมว่า เรื่องดังกล่าวตอนนี้จะถอน หรือไม่ถอนก็ค่าเท่ากัน มันเป็นเรื่องของความเห็น ถอนวันนี้ ความเห็นก็แพร่กระจายไปแล้ว
ส่วนท่าทีของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เสนอแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พบปะพูดคุยทำความเข้าใจกับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่กล้าแสดงความเห็น เดี๋ยวขัดแย้งกัน ก่อนหน้าก็พูดกันว่า พล.อ.เปรม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ก็ต้องคงกับหลักการนี้ไว้
“พล.อ.เปรม ไม่เกี่ยวกับการเมือง ก็อย่าดึงท่านมายุ่งเลย ส่วนตัวกับ พล.ต.สนั่น ก็รักชอบพอกันเลยไม่อยากแสดงความเห็น สำหรับความขัดแย้งที่มีอยู่ เกิดมาจากการขัดแย้งทางความคิด พรรคประชาธิปัตย์ยังคงความเป็นพรรคอนุรักษนิยม เลยต้องอยู่กับผลพวงการปฏิวัติ”
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เขียนด้วยมือลบด้วยเท้า ปฏิวัติเองแล้วจะมาปรองดองเองนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มันไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของเวลาเปลี่ยนแล้วความคิดคนก็เปลี่ยน เมื่อถามอีกว่าการประชุมสภาวันที่ 4 เม.ย.สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการรวบรัดนำไปสู่การออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่าว่า เป็นไปไม่ได้ หากทำไปตามนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่นอน หากไม่ถูกต้อง สุดท้ายก็โมฆะ เชื่อว่ารัฐบาลจะไม่ทำและเรื่องนี้รัฐบาลไม่ควรเป็นเจ้าภาพใดๆ ทั้งสิ้น นายกรัฐมนตรี คงจะพิจารณาอย่างรอบคอบ จะไม่ทำแน่นอน ยังเชื่อมั่นว่าแม้กระบวนการต่างๆ จะผ่านรัฐสภามาเรียบร้อย ก็อ่านใจนายกฯ ว่าจะไม่เอามาดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน
“ส่วนตัวยังเห็นว่า การจะปรองดองได้ต้องออกเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เท่านั้น โดยไม่ระบุเจาะจงว่าใครได้ประโยชน์ แต่ทุกฝ่ายได้หมด เขียนไว้กว้างๆ ซึ่งผมเขียนไว้เรียบร้อยแล้วมี 6 มาตรา จะปรองดองได้มันต้องย้อนไปตั้งแต่เหตุการณ์วันที่ 18 ก.ย.49 ส่วนจะเปิดเผยรายละเอียดได้เมื่อใดนั้น กำลังรอดูจังหวะ แต่ขอย้ำว่าไอ้ที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันไม่สำเร็จหรอก พูดมาหลายครั้งแล้ว ถ้าไปล้มล้างคดี คตส.ทั้งหมด มันก็ไม่ปรองดอง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่มีคณะกรรมาธิการสัดส่วนมากกว่า แต่กลับไม่อยู่ในห้องประชุมทำให้โหวตแพ้พรรคประชาธิปัตย์ ในประเด็นจำนวนที่มาของ ส.ส.ร.นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เป็นเพราะ ส.ส.ไปประชุมน้อย เลยแพ้โหวต แต่ไม่เป็นปัญหา เมื่อเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ฟลอร์ใหญ่ ก็ยกมือเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างน้อยก็จบ