“อภิสิทธิ์” เตือน รบ.อย่าอ้างความปรองดองเพื่อออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อแม้วคนเดียว ติง สถาบันปกเกล้า อย่านิ่งเฉย กระทบความเชื่อมั่นต่อสถาบัน เบรก “ยงยุทธ” อย่าลากปรองดองสู่ความขัดแย้ง พร้อมลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงเลือกตั้งซ่อมปทุมฯ อ้อนเลือก ปชป.สั่งสอนรัฐละเลยความเดือดร้อน ปชช.
วันนี้ (8 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ เกี่ยวกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยอ้างความปรองดองของรัฐบาล ว่า พรรคคัดค้่านการนิรโทษกรรมคนโกง และรัฐบาลจะอ้างสภาฯ หรือสถาบันพระปกเกล้า ไม่ได้ เนื่องจากทางสถาบันฯบอกชัดเจน ว่า ขั้นตอนที่จะต้องทำต่อไป คือ การเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นเพื่อให้ตกผลึกในการหาทางออกร่วมกัน และถ้าไม่มีเจตนาที่จะทำเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ตนก็อภิปรายในสภาฯแล้ว ว่า ให้นิรโทษกรรมทุกคนยกเว้น 3 คน สองต่อหนึ่งอย่างที่ว่า คือ ตน กับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะไปต่อสู้คดีในศาล ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ศาลตัดสินแล้วก็ยอมรับผิดไป เท่ากับคนอื่นได้หมด และบ้านเมืองสงบก็ดี แต่ถ้าเสนออย่างนี้แล้วรัฐบาลก็ยังไม่เอาอีก บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องได้ก็ไม่ใช่เรื่องปรองดองแต่เป็นการแก้ปัญหาส่วนตัวเพื่อให้หลุดจากคดีทุจริต
ซึ่งตนขอเตือน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ ว่า อย่าสร้างความสับสน หลอกประชาชน ต้องไปดูว่าสถาบันพระปกเกล้ายืนยันอย่างไร แม้กระทั่งรายงานของกรรมาธิการ ต้องมีการปรับแก้อย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาตามใจชอบหยิบกฎหมายในกระเป๋าขึ้นมาก็ต้องบอกตรงๆ ว่า เป็นเรื่องของพรรคเพีอไทย ซึ่ง นายยงยุทธ ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากในตอนที่มีการหาเสียง นายยงยุทธ พูดกับประชาชนทั้งประเทศผ่านโทรทัศน์ถ่ายทอดสด ว่า ไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม และการเอาเงิน 4.6 หมื่นล้านไปคืนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด่วยว่า ทางสถาบันพระปกเกล้า ก็ต้องยืนยันจุดยืนของตัวเอง เพราะมีการออกแถลงการณ์ไปแล้ว ต้องเดินหน้าตามแถลงการณ์นั้น เพราะสภาสถาบันฯได้ฟังแถลงการณ์คำต่อคำก่อนที่จะมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะ หากไม่ดำเนินการอะไรเลยก็จะกระทบต่อความเชื่อถืออย่างรุนแรงต่อตัวสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การถอนงานวิจัยหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ทางสถาบันต้องการจะบอกว่าถ้าไม่เอาข้อเสนอที่ได้จากผู้ทรงคุณวุฒิไปทำกระบวนการรับฟังความเห็นทั่วประเทศ ใช้เวลาอย่างน้อยถึงสิ้นปี ก็ไม่ใช่แนวทางปรองดอง แต่จะทำให้เกิดความขัดแ้ย้ง ซึ่งสถาบันฯไม่เสนอ เพื่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่เสนอเพื่อให้เกิดความปรองดอง และตนไม่คิดว่า จะมีการจัดทำกระบวนการรับฟังความคิดเห็นบังหน้าแล้วเดินหน้าตามเป้าหมายของตัวเอง เพราะทุกฝ่ายจับตาดูอยู่ ถ้ารัฐบาลทำก็ชัดว่าทำตามความต้องการของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหลักซึ่งไม่ใช่การปรองดอง แต่ถ้าอยากปรองดองจริงต้องไปฟังคนเสื้อแดง ครอบครัวเจ้าหน้าที่ที่สูญเสีย ฟังประชาชนทั่วไปที่ต้องการเห็นบ้านเมืองปกครองด้วยกฎหมาย
ส่วนที่มีข่าวว่าพรรคเืพื่อไทย เตรียมที่จะทอดเวลาออกไปก่อนที่จะผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในเดือนกันยายนนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีกหรือไม่ แต่คงไม่ใช่เรื่องการทอดเวลา เพราะเป็นเรื่องของการทำกระบวนการ จนสังคมตกผลึก แต่ถ้าไม่ทำสิ่งเหล่านี้ อย่าว่าแต่เป็นเดือนกันยายนเลย จะเป็นปีหน้า หรือปีไหนก็ไม่ควรที่จะทำ และกระบวนการรับฟังความเห็นต้องมีความถูกต้อง ชอบธรรม มีข้อเสนอที่สังคมยอมรับได้ ไม่มีความรุนแรง ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น นี่จึงเรียกว่าปรองดอง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการลงพื้นที่ปทุมธานีเขต 5 เพื่อช่วย นายเกียรติศักดิ์ ส่องแสง ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมของพรรคหาเสียง ว่า ทางพรรคทำงานเต็มที่ เพราะผู้สมัครเป็นคนเดิมที่ไม่เคยหยุดทำงาน แม้ว่าจะไม่ได้รับการเืลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงที่น้ำท่วมประชาชนในเขตเลือกตั้งเดือดร้อนกันมาก นายเกียรติศักดิ์ ก็ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประชาชนในเขตเลือกตั้งนี้ จะได้ส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลเกี่ยวกับความเดือดร้อนต่างๆ เช่น ปัญหาของแพงว่าต้องการการแก้ไข ถ้าเลือกฝ่ายค้านเข้าไปอีก 1 เสียง ก็เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ผู้สมัครของพรรคยังเสียเปรียบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทย จึงถือว่าเป็นรอง แต่ผู้สมัครของพรรคทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และพรรคคิดว่า ชาวปทุมฯน่าจะใช้โอกาสนี้ส่งสัญญาณถึงรัฐบาล ซึ่งตนก็หวังว่า พี่น้องชาวปทุมฯจะพูดแทนพี่น้องคนไทย ปลุกรัฐบาลขึ้นมาแก้ปัญหาของประชาชนดีกว่าการสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ และยังเป็นการให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ และคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องด้วย