xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชี้สภาฯ ส่อถอยหลังสู่ยุค “แม้ว” เรืองอำนาจ ลุ้น ส.พระปกเกล้าถอนวิจัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์” ฉะรัฐบาลมุ่งตอบโจทย์ช่วย “นช.แม้ว” ไม่สนใจปรองดองทำขัดแย้งเพิ่ม เชื่อ “บวรศักดิ์” ไม่หวั่นไหวถูก ส.ส.เพื่อไทยกดดัน ลุ้นรักษาชื่อเสียงสถาบันพระปกเกล้าถอนงานวิจัยหากรัฐบาบดึงดันใช้เสียงข้างมากลากไป เผยห่วงใช้ พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นเลือก ส.ส.ร.เปิดช่องพรรคการเมืองส่งสมาชิกลงสมัคร จับตาระบบสถาฯถอยหลังสู่ยุค “ทักษิณ” เรืองอำนาจ แนะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ล้มเหลวแม้มีเสียงข้างมากก็ไร้ความชอบธรรมในการบริหารประเทศ


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณารายงานคณะกรรมาธิการปรองดองฯ ว่า ยังไม่มีสัญญาณว่ากรรมาธิการฯ จะทำตามข้อเสนอในแถลงการณ์ของสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งตนเห็นว่าไม่เป็นผลดี เพราะเมื่อสถาบันฯ ชี้แนะทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับ หากรัฐบาลอยากปรองดองก็ควรเดินตามแนวนี้ แทนที่จะทำให้เกิดความกำกวมว่าจะมีการหยิบฉวยประเด็นที่มีความขัดแย้งขึ้นมา เพราะเท่ากับไม่ปรองดอง เนื่องจากในขณะนี้ก็ยังมีความสับสน จากสิ่งที่นายวัฒนา เมืองสุข รองประธานกรรมาธิการฯ อภิปรายในสภาฯ ที่มีความชัดเจนว่าต้องการให้ล้มคดี คตส. เพราะมีส่วนได้เสียโดยตรงในเรื่องนี้ ทำให้แยกไม่ออกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวหรือเป็นความเห็นของกรรมาธิการฯ ซึ่งฝ่ายค้านก็ต้องการให้กรรมาธิการฯอธิบายให้ชัดว่าข้อเสนอคืออะไรจะได้ไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด

ทั้งนี้ จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่เเห็นด้วยถ้าสภาจะดำเนินการที่ขัดต่อเจตนารมณ์ของสถาบันพระปกเกล้า แต่รัฐบาลยังดึงดันที่จะตอบโจทย์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ตอบโจทย์เรื่องปรองดอง ก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะทำ และตนคิว่าทางสถาบันพระปกเกล้าก็คงดำเนินการตามที่แถลงไว้ ถ้ามีการลงมติส่งให้รัฐบาลทางสถาบันก็คงเรียกรายงานคืน

“คำแถลงที่ออกไปเป็นเรื่องของสภาสถาบันพระปกเกล้า ไม่มีได้ส่วนได้เสียทางการเมือง เหมือนที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา และคณะผู้วิจัยก็ไม่ต้องการให้มีการบิดเบือนงานวิจัย ซึ่งหากสถานการณ์เดินไปถึงขั้นมีการถอนงานวิจัยก็จะทำให้สังคมเห็นชัดเจนว่าการออกกฎหมายนิรโทษกรรม หรือล้างผิดคนทุจริตในคดี คตส. โดยอ้างว่าเป็นความจำเป็นเพื่อการปรองดองตามข้อเสนอทางวิชาการไม่เป็นความจริง ถ้ารัฐบาลจะทำก็เป็นเพียงความต้องการของรัฐบาลและไม่เกี่ยวกับเรื่องการปรองดอง หรืองานวิจัย การปรากฏต่อสาธารณะของงานวิจัยนั้น ไม่ได้หมายความว่าให้มีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะไม่ใช่ข้อยุติ แต่เป็นเรื่องที่ต้องไปฟังความเห็นทุกภาคส่วน ไม่ได้เสนอให้ล้างผิดคนโกง”

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้าก็เห็นว่าทางสถาบันได้ใช้ความรอบคอบในการพิจารณาเรื่องนี้ จึงอยากให้ให้ความเป็นธรรมจต่อสถาบันและผู้วิจัย เพราะไม่เคยคาดคิดว่าคนของรัฐบาลจะเอารายงานกรรมาธิการฯ เซ็นเข้าสภา ทั้งๆ ที่การประชุมกรรมาธิการฯ ยังไม่จบ และไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทยจะกดดันนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ให้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ซึ่งไม่ใช่วิถีของประชาธิปไตยเพราะทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง และตนเชื่อว่านายบวรศักดิ์คงไม่หวั่นไหว เพราะเป็นเรื่องของกรรมการสภาสถาบันฯ ไม่ได้ทำโดยลำพัง จึงต้องเดินหน้ารักษาชื่อเสียงของสถาบันเอาไว้

อย่างไรก็ตาม หลังเหตุการณ์นี้ ทางสถาบันพระปกเกล้าก็คงต้องระมัดระวังในเรื่องของการทำงานที่อาจจะถูกนำไปใช้ประโยชน์โดยไม่ตรงตามเจตนา แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าสถาบันพระปกเกล้าถูกตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยทำงานวิจัยให้สภา และงานนี้เป็นการร้องขอจากสภาจึงปฏิเสธยาก แต่ก็พยายามปรับเงื่อนไขตั้งแต่การขอให้ทำภายใน 30 วัน หรือการให้ยกร่างกฎหมาย จึงขอยืนยันว่ากรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้าไม่มีการสมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาล ส่วนคณะผู้วิจัยต้องรับผิดชอบงานของตัวเองคงลอยตัวไม่ได้ เพราะงานหลายอย่างที่ออกมาก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของคณะผู้วิจัย

สำหรับปัญหาเรื่องการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ตนก็ตั้งคำถามต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในวันที่ไปแปรญัตติว่า การใช้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นหมายความว่าพรรคการเมืองสามารถส่งคนลงสมัคร ส.ส.ร.ได้ใช่หรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีใครพูดว่าจะใช้รูปแบบนี้ จึงเห็นว่าควรใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ว.น่าจะมีความหมาะสมมากกว่า เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรคการเมืองแต่จะเป็นการแนะนำตัวเพื่อทำหน้าที่ไม่แตกต่างจาก ส.ส.ร.มากนักในแง่กฎหมายและการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาสนับสนุนแนวทางนี้นั้น อาจเป็นเพราะมองข้ามประเด็นพรรคการเมืองไป และไม่คิดว่าจะมีปัญหาในเรื่องสิ้นเปลืองงบประมาณ หรือเรื่องการเลือกตั้งล่วงหน้า เนื่องจากในรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขก็เขียนไว้อยู่แล้วว่า บทไหนที่เห็นควรให้ยกเว้นก็ยกเว้นได้ จึงสามารถใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ว.โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ แต่ถ้าใช้กฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นจะห้ามไม่ให้พรรคการเมืองส่งคนลงสมัคร ส.ส.ร.ไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจอยู่

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า แม้พรรคประชาธิปัตย์จะเป็นเสียงข้างน้อย แต่ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และยังหวังว่าเสียงข้างมากจะรับฟัง เพราะถ้าดำเนินการโดยไม่มีเหตุผลก็จะถูกตรวจสอบ เพราะระบบสภาวันนี้ก็เห็นชัดเจนว่าไม่แตกต่างจากยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และตนเคยเตือนไปแล้วว่าความขัดแย้งทั้งหมดเกิดจากการใช้เสียงข้างมากโดยไม่รู้จักขอบเขตทำให้เกิดความยัดแย้ง ควรจะมีบทเรียนในเรื่องเหล่านี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เรียนรู้เพราะมีการห้ามฝ่ายค้านไม่ให้ออกโทรทัศน์ รัฐบาลต้องเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ทั้งของเมืองไทยและต่างประเทศว่า การคิดว่าฝ่ายเสียงข้างน้อยอ่อนแอกว่า หรือไม่มีกำลังจึงปิดกั้นพื้นที่การแสดงออกทางประชาธิปไตยสุดท้ายนำไปสู่ความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การใช้เสียงข้างมากโดยละทิ้งความชอบธรรมนั้น สุดท้ายจะกระทบต่อรัฐบาล เหมือนกับสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มี 377 เสียง แต่สุดท้ายก็นำไปสู่วิกฤตเพราะไม่รู้จักใช้เสียงข้างมากอย่างมีขอบเขตในลักษณะเคารพเสียงข้างน้อย และไม่เข้าใจหลักการที่เป็นจิตวิญญาณที่เป็นประชาธิปไตยว่าควรจะเป็นอย่างไร โดยไม่เชื่อว่าหากรัฐบาลนิรโทษกรรม และล้มคดี คตส.สำเร็จจะสร้างความปรองดองได้ มีแต่จะเพิ่มความขัดแย้งใหม่ อีกทั้งคดี คตส.ก็ไม่เคยถูกหยิบยกมาเป็นเงื่อนไขในการชุมนุมของคนเสื้อแดงว่าต้องล้างผิดให้คนทุจริต
กำลังโหลดความคิดเห็น