“อภิสิทธิ์” เรียกร้อง “แม้ว” หยุดจุ้นงานความมั่นคง ยิ่งโหมไฟใต้ลุกโชน จี้ “ปู” คลายปมที่พี่ชายก่อไว้ ก่อนรัฐบาลเสื่อม แนะร่วมประชุม สมช.อย่ารอแค่รายงาน เชื่อใช้นโยบาย สมช.นำทางช่วยลดความสับสนของเจ้าหน้าที่
วันนี้ (5 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงสถานการณ์ภาคใต้ที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในขณะนี้ว่า รัฐบาลควรกำหนดรัฐมนตรีไปดูแลปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างชัดเจน เพื่อให้การประสานงานมีเอกภาพ สามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในเรื่องความขาดแคลนด้านต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น และไม่ควรปฏิเสธความจริงที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และกลายเป็นปมที่ต้องแก้ไข เพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปดำเนินการนั้นก่อให้เกิดปัญหาอะไรตามมา จึงต้องคลายปมเหล่านั้นเสีย
“ผมว่าไม่ต้องมาปฏิเสธข้อเท็จจริงกันดีกว่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาทะเลาะกัน แต่ต้องเร่งแก้ปัญหา เพราะประชาชนในพื้นที่จะเดือดร้อนมากจากความไม่สงบที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะทราบแล้วว่าจากเหตุที่เกิดขึ้นจะต้องคลายปมอย่างไร ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหากับประชาชนมากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการล้างบาปที่ทำให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่อดีตมาจนถึงเหตุการณ์ล่าสุดควรจะทำอย่างไรเพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ควรเปิดทางให้ผู้ที่ทำงานเรื่องนี้ได้ทำงานอย่างต่อเนื่องและตกผลึกทางความคิดจนออกมาเป็นนโยบาย สมช., ศอ.บต.ได้เสนอ และสภาฯ มีการอภิปรายแล้วก็ควรยึดตามแนวนี้ อย่าพยายามทำอะไรเป็นอย่างอื่นเลย เพราะจะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา โดยในขณะนี้ก็เกิดความวุ่นวายสับสนจากปมที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปผูกเอาไว้
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า จุดใหญ่ที่ต้องแก้ไขขณะนี้คือตัวนโยบายและการทำงานซึ่งฝ่ายการเมืองและเจ้าหน้าที่ต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทิศทางที่ถูกต้อง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีความเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น การตอบกระทู้สดของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ก็เพียงแต่ออกมาปฏิเสธว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังไม่มีการพูดถึงนโยบายที่มีความสับสน ไม่ว่าจะเป็นบทบาทของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. และฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการทำงานทั้งหมด รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขโดยเร็วที่สุดเพราะถ้าลุกลามบานปลายมากกว่านี้จะกระทบกระเทือนมาก
“ผมคิดว่าแม้นายกรัฐมนตรีจะมอบให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ และ ร.ต.อ.เฉลิม ดูแลงานด้านความมั่นคง แต่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ศอ.บต., กอ.รมน.หรือไม่ว่าจะเป็น สมช. ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่ง ก็ควรจะเข้าร่วมประชุมและติดตามเพื่ออย่างน้อยที่สุดได้รับทราบทุกสิ่งทุกอย่างแทนที่จะรอฟังจากคนที่มอบหมายเท่านั้น แม้กระทั่งการมาฟังกระทู้ถามในสภาก็จะเป็นประโยชน์ แต่เมื่อไม่มาก็ไม่ทราบว่าข้อเสนอของฝ่ายค้านจะถึงนายกรัฐมนตรีมากน้อยแค่ไหน เพราะขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณเลยว่ารัฐบาลรับทราบถึงปัญหาต่างๆ และจะแก้ไขอย่างไร มีแต่คำตอบในเรื่องการปฏิบัติเท่านั้น การจับกุมผู้ต้องหาได้เร็วโดยไม่ผิดตัวถือเป็นเรื่องดีแต่ต้องมีนโยบายภาพรวมที่ชัดเจนควบคู่ไปด้วย”
ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาในรัฐบาลชุดที่แล้วมีนโยบายที่ชัดเจน แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงบุคลากร และอดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางไปมาเลเซียก็ทำให้เกิดความสับสนในเรื่องทิศทางการปฏิบัติ ทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพขึ้น เพราะฉะนั้นต้องย้อนกับมาใช้แนวทางที่มีกฎหมายรองรับทุกอย่างและปฏิบัติตามนั้น