ปชป.วอนให้ ปชช.พึ่งดินฟ้าอากาศมากกว่า เชื่อมั่น รบ.บริหารจัดการน้ำ ชี้ แผนปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย “อภิสิทธิ์” ตอกย้ำมีข้อมูลชัด “แม้ว” มีการเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ท้าโชว์พาสปอร์ตเข้ามาเลเซียกี่ครั้ง จี้ รบ.อย่าปล่อยให้นักโทษหนีคดีก้าวก่ายงานรัฐ โยงแผนการลงทุนด้านพลังาน ทำสังคมเคลือบแคลงใช้ความมั่นคงชาติแลกผลประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่
วันนี้ (8 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลที่นายกัฐมนตรี เคยระบุว่า จะมีศูนย์บริหารจัดการน้ำแบบเบ็ดเสร็จกลางเดือนนี้ ว่า การปฏิบัติตามแผนของรัฐบาลในขณะนี้มีปัญหามาก และเมื่อสอบถามผู้เกี่ยวข้องก็ยังมีความสับสนอยู่ว่า ตกลงแผนด้านต่างๆ ทั้งโครงการป้องกัน หรือเรื่องการประสานข้อมูลการบริหารจัดการก็ยังไม่ชัดเจน แม้กระทั่งการบริหารน้ำในเขื่อนก็ยังมีการปรับแผนใหม่จากเดิมที่ตั้งเป้าว่าจะต้องเร่งระบายน้ำ ก็มีความกังวลเรื่องของภัยแล้ง สรุปแล้วจึงยังมองไม่เห็นว่ามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในเรื่องการประสานงาน หรือมีการบูรณาการในการแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งรัดประสานเกี่ยวกับการบริหารน้ำในพื้นที่ต่างๆ เพราะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ แต่กลับมีการพูดเฉพาะหลักการกว้างๆ ตลอดเวลา ในขณะที่พื้นที่ต่างๆ มีความสับสนมากขึ้น ว่า พื้นที่ไหนจะเป็นพื้นที่แก้มลิง พื้นที่รับน้ำ ซึ่งยังไม่มีการทำงานในพื้นที่อย่างจริงจัง
“ผมคิดว่า ถ้ารัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนอย่างนี้ ประชาชนก็คงต้องพึ่งพาดินฟ้าอากาศ หวังว่าฝนจะไม่ตกเหมือนปีที่แล้ว คงหวังพึ่งรัฐบาลไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นความชัดเจนในการบริหารว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากปีที่แล้วในเชิงการบริหารจัดการอย่างจริงจัง ผมคิดว่า รัฐบาลตั้งหลักบอกว่าจะบูรณาการ แต่กลับทำกลไกให้สับสนเสียเอง แม้แต่เรื่องงบประมาณก็ยังเวียนไปเวียนมาก่อนที่จะมีการอนุมัติ เช่นเดียวกับการตั้งคณะกรรมการมีเยอะเกินไป แทนที่จะพยายามทำให้เหลือน้อยชุด แต่ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้น การทำงานในพื้นที่จะต้องทำควมเข้าใจกับมวลชนรัฐบาลก็ไม่ทำมากนักจึงเป็นปัญหาอุปสรรคอยู่” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาปฏิเสธการเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ว่า ถ้ารัฐบาลไม่เริ่มต้นจากการยอมรับความจริง ว่า อะไรเป็นผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นจะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตนยืนยันว่า ข้อมูลจากข่าวหลายแหล่งตรงกันว่า มีปัญหานี้เกิดขึ้นจริง และการทำโดยไม่รู้ ขาดความระมัดระวัง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์ในวันนี้ จึงอยากให้แก้ไขตามความเป็นจริง ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่า มีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอให้ช่วยเหลือ ก็ต้องตอบมาว่าไปมาเลเซียกี่ครั้ง และไปทำอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ารัฐบาลให้คนที่มีสถานะเป็นนักโทษหนีคดี เจรจาในเรื่องบ้านเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลกระทบอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยตัวสถานะของการเป็นนักโทษหนีคดีก็มีปัญหาอยู่แล้ว แต่สำคัญกว่านั้น คือ ความไม่เข้าใจต่อความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ และการทำเพื่อคาดหวังผลทางการเมือง หรือผลทางด้านอื่น เพราะความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเป้าหมายเรื่องการทำธุรกิจพลังงานกับประเทศมาเลเซียด้วย เพราะฉะนั้นตรงนี้ คือ สิ่งที่รัฐบาลต้องถอยออกมาจากตรงนี้ให้หมด คลายปมตรงนี้ให้ได้ กลับมาใช้นโยบาย สมช.และ ศอ.บต.ซึ่งตามกฎหมายรองรับอยู่แล้วและเดินตามนั้นอย่างเคร่งครัด มากกว่าที่จะไปทำอย่างอื่น
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่า จะใช้งานด้านความมั่นคงไปหาประโยชน์จนเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนตามมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับการยืนยันความเชื่อมโยงตรงนี้ แต่รับทราบว่า มีความพยายามจะทำธุรกิจพลังงานที่มาเลเซีย ขณะเดียวกัน ก็อาจทำเรื่องนี้ด้วยความคิดที่ว่าจะสามารถเปลี่ยนแปลงความผิดพลาดที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2544 ซึีงมาเลเซียก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านคงจะช่วยเหลือไทย โดยฟังฝ่ายนโยบายของไทย แต่ถ้าฝ่ายนโยบายไปอยู่บนสมมติฐาน และการตั้งโจทย์ผิด หลักคิดผิด ก็จะทำให้การแก้ปัญหาวุ่นวายขึ้น ทั้งนี้หลักคิดเรื่องการเจรจาพูดคุยอยู่ในตัวนโยบายของ สมช.ไม่มีปัญหา แต่จะทำด้วยวิธีไหนอย่างไร ใครควรจะไปทำ และทำด้วยเงื่อนไขอะไร ทุกอย่างมีความละเอียดอ่อนมาก หากเอาคนที่ไม่รู้ แต่คิดว่า สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ง่ายๆ มาทำอย่างไม่รอบคอบว่าแต่ละฝ่ายมีที่มาที่ไปมีภูมิหลังอย่างไร ก็เกิดความผิดพลาดตามมา เพราะมีคนพยายามหวังผลทางการเมือง และพยายามจะเสนอความคิดที่ทำให้เกิดความสับสนไม่หยุดเช่นที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ยังมายืนยันเรื่อง นครรัฐปัตตานี ทั้งๆ ที่ผู้เลือกตั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปฏิเสธแนวคิดนี้ด้วยการไม่เลือกผู้แทนที่หาเสียงเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว ในขณะที่พรรคการเมืองนั้นชนะเลือกตั้งที่อื่นอย่างถล่มทลาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปเจรจาของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับทางมาเลเซียนั้น สอดคล้องกับจังหวะการไปเยือนมาเลเซียของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ก็ยืนยันกับตน ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ไปยืนยันในสิ่งที่ทำ