วิปรัฐบาลเผยถกรายงาน กมธ.ปรองดอง 4 เม.ย. แค่ลงมติรับทราบ ก่อนส่งให้รัฐบาลไปดำเนินการต่อ คาดขยายเวลาประชุมสภา ไปถึงสิ้นเดือน เม.ย. ด้าน “ชวลิต” เชื่อจริยธรรมสถาบันพระปกเกล้า ไม่ถอนงานวิจัยปรองดอง
นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมวิปรัฐบาลว่า ได้พิจารณาถึงระเบียบวาระที่จะเข้าสู่การประชุม สภาวันที่ 4-5 เม.ย. โดยวาระแรกจะเป็น พ.ร.บ.สารต้องห้ามการกีฬา จากนั้นจะเป็นการพิจารณารับทราบรายงานวิจัยการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ของสถาบันพระปกเกล้า ที่เสนอผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการตกลงกับฝ่ายค้าน แต่เบื้องต้นจะมีการลงมติรับทราบ พร้อมส่งต่อไปยังรัฐบาลพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป หากจะมีการจัดการเสวนาต่อก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะตัดสินใจ
นายอุดมเดชกล่าวว่า สำหรับเรื่องการขยายเวลาปิดสมัยประชุมสภานั้น คาดว่าจะเลื่อนไปถึงสิ้นเดือน เม.ย. สาเหตุเพราะมีกฎหมายที่ภาคประชาชนเสนอเข้ามาค้างอยู่จำนวนหนึ่ง ส่วนการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 หากเสร็จทันก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้
ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานเลขานุการ กมธ.ปรองดอง กล่าวว่า ตนยังไม่เคยได้ยินว่าสถาบันพระปกเกล้าจะถอนงานวิจัยเรื่องความปรองดองออกจากผลสรุปของ กมธ.ปรองดอง สภาฯ และตนก็มั่นใจในจริยธรรมของผู้ทำงานวิจัย 100% ว่าจะไม่มีการถอนเรื่องดังกล่าวแน่นอน เพราะสถาบันพระปกเกล้าได้สรุปผลการวิจัยมาให้เราและที่สำคัญก็ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเพื่อนำมาพิจารณาในการประชุมสภาฯ สมัยนิติบัญญัติมาแล้วด้วย แต่หากจะถอนงานวิจัยมีเงื่อนไขเดียวคือขอกลับไปแก้ไขข้อบกพร่องเท่านั้น
“ตอนเริ่มแรกทุกฝ่ายก็เห็นด้วยมอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าทำงานวิจัยเรื่องความปรองดอง และก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่พอผลงานวิจัยออกมาแล้วไม่ได้ประโยชน์กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็ออกมาคัดค้าน เราไปจินตนาการเรื่องการนิรโทษกรรมมากเกินไป และไม่สนใจเนื้อหาสาระสำคัญที่นำเสนอที่นำไปสู่ความปรองดอง ทั้งที่ความเป็นจริงยังมีขั้นตอนอีกมาก โดยเฉพาะทำให้สังคมมีความคิดเห็นเรื่องนี้ไปในทิศทางเดียวกัน และตนก็เชื่อว่ายังไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมในเร็ววันนี้ด้วย”