xs
xsm
sm
md
lg

ลมการเมืองเปลี่ยนทิศ “จักรภพ” จ่อกลับไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จักรภพ เพ็ญแข
ผ่าประเด็นร้อน 

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการสั่งยุติคดีหรือการไม่ดำเนินการใดๆ ต่อคนในรัฐบาลหลายต่อหลายคดี

ไล่ตั้งแต่ตัว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์, นายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.พินทองทา ชินวัตร กรณีปกปิดโครงสร้างหุ้นใน บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น หรือ ชินคอร์ป ซึ่งดีเอสไอยุติคดีการเอาผิดบุคคลทั้งหมดข้างต้น

หลังจากไม่พบว่ามีการร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งใช้เป็นพยานหลักฐานตามที่ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือให้ดีเอสไอ ดำเนินคดี หลังก่อนหน้านี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เห็นว่าน่าจะมีมูล เพราะมีการละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ด้วยการแจ้งข้อมูลเท็จต่อสาธารณชน

หรือกรณีกรมสรรพากร ไม่ทำการจัดเก็บภาษีการขายหุ้นชินคอร์ป จากพานทองแท้ และพินทองทา ชินวัตร 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมดอายุความไปเมื่อ 31 มีนาคมที่ผ่านมา

ด้วยเหตุผลว่า กรมสรรพากรยึดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หุ้นที่ตัดสินว่า หุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชัน เป็น ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ของพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา และการขายหุ้นดังกล่าวเป็นการขายในตลาดหลักทรัพย์ ก็ไม่ต้องเสียภาษี

เช่นเดียวกับที่ดีเอสไอก็เตรียมล้มสำนวน “คดีล้มเจ้า” ทั้งที่สมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ ดีเอสไอโดยตัวธาริต เพ็งดิษฐ์ หมายมั่นปั้นมือในคดีล้มเจ้าอย่างมาก แต่วันนี้ตัวธาริตและลูกน้องในดีเอสไอเตรียมพับสำนวนเก็บเข้าลิ้นชักแน่นอนแล้ว

ทั้งสามคดีดังกล่าวที่อยู่ในชั้นดีเอสไอ กับกรมสรรพากร เชื่อได้ว่าถ้าเกิดขึ้นในช่วงที่ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ผลที่ออกมาคงไม่เป็นแบบนี้

ซึ่งก็เข้าใจดีว่าเป็นเรื่องของลมเปลี่ยนทิศ เมื่อประชาธิปัตย์ไม่ใช่รัฐบาล เป็นแค่ฝ่ายค้าน ทั้งสามเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลรวมถึงให้ ส.ส.ในพรรคดำเนินการไปยื่นเรื่องให้สอบสวน

แต่เมื่อคดีทั้งหมดล้วนมีคนของรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยเกี่ยวข้อง มันจึงย่อมไม่ได้รับการสนองตอบจากดีเอสไอ และกรมสรรพากรแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สำนักงานอัยการสูงสุดมีสถานะแตกต่างและสูงกว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรมสรรพากรค่อนข้างมาก

การสั่งยุติเรื่องหลายคดีจึงก่อให้เกิดคำถามจากสังคมตามมาไม่น้อยในเวลานี้

กรณีสั่งไม่ฟ้อง พรทิพย์ ปักษานนท์ แกนนำ นปช.เพชรบุรี ที่ตอนนี้ได้เป็นบอร์ดกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย (ทอท.) กรณีส่งอีเมล์ข่มขู่ ผู้สื่อข่าวช่อง 7 น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร โดยอ้างว่าการส่งอีเมล์ดังกล่าว เป็นแค่ตระเตรียมการ ยังไม่ได้ลงมือทำร้ายร่างกาย

ซึ่งเจ้าตัวสมจิตต์ประกาศแล้วว่ายอมรับไม่ได้กับการสั่งคดีแบบนี้ เพราะแม้แค่ตระเตรียมการ แต่พฤติการณ์ความผิดก็ชัด กับการส่งอีเมลที่มีชื่อจริง และรูปของตัวสมจิตต์ไปยังเครือข่ายคนเสื้อแดง แล้วจะไม่มีความผิดได้อย่างไร หรือจะต้องรอให้ถูกทำร้ายร่างกาย ตามอีเมลดังกล่าวเสียก่อนถึงจะเอาผิดได้

ดังนั้นจึงเตรียมใช้สิทธิเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง ไม่รอตำรวจและอัยการอีกต่อไป

กรณีนี้ แม้รูปคดีฝ่ายอัยการอาจมองว่าเป็นเรื่องการเมือง เป็นเรื่องเล็กน้อย แค่การข่มขู่ หรือส่งข่าวสารกันเองในกลุ่มคนเสื้อแดง แต่สำหรับคนทำสื่อมวลชน หรือแม้แต่คนธรรมดา ย่อมมองว่าไม่ธรรมดาแน่นอน

ยิ่งคนที่เป็นคนดำเนินการคือตัวพรทิพย์ ปักษานนท์ ต่อมาก็ถูกเสนอชื่อให้รับตำแหน่งบอร์ด ทอท. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจใหญ่ของประเทศลำดับต้นๆ ถือเป็นบอร์ดเกรดเอ ทั้งที่เป็นแค่แกนนำแดงภาคตะวันออก แต่มาคุมเรื่องธุรกิจการบิน-การคมนาคมของประเทศ ย่อมแสดงให้เห็นว่าตัวพรทิพย์ไม่ใช่คนธรรมดา การยุติคดีของอัยการจึงควรต้องมีคำชี้แจงต่อสังคมมากกว่านี้ด้วย

เช่นเดียวกับอีกหนึ่งคดีที่มีข่าวว่า อัยการสั่งยุติคดีหรือสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว นั่นคือ คดีสั่งไม่ฟ้อง จักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำ นปช. ยุคบุกเบิก ที่เคยถูกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเอาผิด สั่งฟ้องคดีหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

มูลเหตุจากเมื่อวันที่ 29 ส.ค.50 ตัวจักรภพได้บรรยายพิเศษเป็นภาษาอังกฤษที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ ซึ่งดูแล้วเชื่อว่าตัว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ที่จะต้องเป็นคนทำความเห็นในชั้นสุดท้าย ว่าจะเห็นด้วยกับอัยการ คือสั่งไม่ฟ้อง หรือจะยืนยันตามสำนวนเดิม ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางสมัยพล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ เป็น ผบช.ก. ก็น่าจะมีความเห็น “สั่งไม่ฟ้อง” แน่นอน อันนี้เป็นการคาดเดาไว้ล่วงหน้า แต่ ผบ.ตร.อาจทำเซอร์ไพรส์สั่งฟ้องจักรภพก็ได้
 

ทว่าหากจะสั่งไม่ฟ้อง ก็อ้างได้ว่าอัยการก็ตรวจสำนวนแล้ว เห็นว่าควรสั่งไม่ฟ้อง ดังนั้นตำรวจก็ยืนกรานตามอัยการได้

กระนั้นก็น่าแปลกใจที่คดีนี้อัยการส่งไปให้ สตช. ตั้งแต่ 23 ก.ย.54 แล้วทำไมยังเงียบ ผบ.ตร.ทำอะไรอยู่?

หากสุดท้าย คดีจักรภพสั่งไม่ฟ้อง ก็จะทำให้จักรภพที่ออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่หลังสงกรานต์ปี 52 เมื่อมีการยุติการชุมนุมใหญ่เสื้อแดงหน้าทำเนียบรัฐบาล สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็จะได้กลับบ้านเสียที หลังหนีคดีออกไปร่วมสามปีกว่า เพื่อมาอยู่กับพวกแกนนำนปช.คนอื่นๆ ที่เป็นใหญ่เป็นโตคับประเทศเวลานี้

เว้นแต่จักรภพจะพอใจกับบทบาทนักเคลื่อนไหวการเมืองนอกประเทศ ที่ทำอยู่ในช่วงที่ผ่านมา เหมือนกับใจ อึ๊งภากรณ์ ที่ก็หนีคดี 112 ไปเคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศเช่นกัน ก็อาจทำให้ จักรภพ ยังไม่คิดกลับเวลานี้ แล้วใช้วิธีเผยแพร่ความคิดการเมืองและเรื่อง ม.112 ผ่านสื่อเสื้อแดงอย่างนิตยสารเสื้อแดง

เพื่อรอเวลาที่คิดว่ากลับมาแล้ว ทุกอย่างจะไร้ปัญหา....
กำลังโหลดความคิดเห็น