ถ้าบ้านเมืองนี้ไม่มี ทักษิณ แล้วจะฉิบหาย-ไม่ก้าวหน้า !?

บ้านพระอาทิตย์

นาทีนี้ไม่ต้องสาธยายให้มากความ เพราะถ้าใครติดตามเรื่องราวมาตลอดก็ย่อมรับรู้ว่ากระบวนการ และความเคลื่อนไหวทั้งในสภาและนอกสภาของพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลกำลังทำทุกทางเพื่อให้ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “เจ้าของ” ให้พ้นผิด ได้กลับมามีอำนาจและได้เงินคืนเท่านั้น เพราะกระบวนการที่ว่าทั้งการอ้างงานวิจัยแบบเจ๊าๆหยวนๆสำหรับใช้ในการอ้างอิงต่อยอดในสภาสำหรับการออกพระราชบัญญัติ หรือพระราชกำหนดนิรโทษกรรม(แต่ใช้คำเท่ว่าปรองดอง) เพื่อความรวดเร็วรวบรัด

รวมไปถึงการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แล้วร่างขึ้นใหม่ ซึ่งก็มีเป้าหมายปลายทางทั้งหมด ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ เพียงคนเดียว แต่หากมีพวกลิ่วล้อได้รับอานิสงค์ไปด้วยก็ว่ากันไปถือเป็นผลพลอยได้

นี่คือความจริงที่กำลังดำเนินไปให้ถึงเป้าหมาย ทำกันอย่างเร่งรีบเร่งวันเร่งคืน ทำราวกับว่าหากชักช้าไปเพียงแค่วันสองวันอาจพลิกผันเป็นตรงกันข้ามก็เป็นได้

ที่กล่าวแบบฟันธงแบบนี้ก็เพราะทุกอย่างมีความชัดเจนแบบไม่ต้องกังขากันอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายเวลาการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติออกไปอีกเดือนครึ่ง จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 18 เมษายน ก็จะขยายออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม เรียกว่าทีแบบนี้ ส.ส.เมืองไทยกลับขยันประชุมจนน่าจะเพิ่มเงินเดือนให้อีกเป็นเท่าตัว แม้ว่าที่ผ่านมาจะเข้าประชุมกันโหรงเหรง แถมบางครั้งยังมีการเสียบบัตรแทนกันก็ยังมี

สำหรับการขยายสมัยประชุมสภาออกไปก็ได้รับการยืนยันออกมาแล้วจากปากของ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่นักข่าวสภาได้รับรู้ธาตุแท้ว่า เป็นแค่ “ค้อนปลอม” ว่าต้องทำ หลังจากก่อนหน้านี้มีการแย้มออกมาก่อนจากประธานวิปรัฐบาล อุดมเดช รัตนเสถียร โดยอ้างเรื่องเวลาประชุมน้อยเนื่องจากติดปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีก่อน

ทุกอย่างก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะอย่างที่ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่าเวลานี้กำลังลากลงไปกองรวมกันอยู่ที่สภาแทบทั้งหมดแล้ว อาจจะมีบ้างที่ยังไม่เรียบร้อยนัก แต่ก็กำลังต่อยอดเป็นรูปเป็นร่าง รอวันคลอดออกมาให้เห็นในอีกไม่ช้า

หลังจากใช้เครดิตสถาบันพระปกเกล้าผลิตงานวิจัยปรองดองแบบเจ๊ากันหมด เลิกๆกันไป แต่คนที่ได้ที่สุดก็คือ ทักษิณ เข้าไปคาอยู่ในสภา เพื่อใช้อ้างอิง “ต่อยอด” สำหรับการออกเป็นพระราชบัญญัติ นิรโทษกรรม(ปรองดอง) ในเวลาอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ “รับงาน” ประเภทนี้ได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว โดยก่อนหน้านี้เคยแย้มออกมาว่ามีเนื้อหาแค่ 6-7 มาตรา เท่านั้น และจะเสนอเข้าสภาในสมัยประชุมหน้า แต่มาวันนี้เมื่อมีการขยายเวลาประชุมออกไปมันก็เป็นไปได้ “ค่อนข้างแน่” ว่าจะเตรียมรวบรัดนำเข้าสภาใช้เสียงข้างมากอนุมัติทันที

ขณะเดียวกันเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำลังเร่งมือแบบหามรุ่งหามค่ำและมีการคาดหมายว่าหลังจากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญสามรรถสรุปที่มาและคุณสมบัติเรื่องสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ( ส.ส.ร.)ได้เรียบร้อย รวมไปถึงประเด็นปลีกย่อยอื่นๆเรียบร้อยก็นำเข้าสภาอนุมัติเห็นชอบ ซึ่งแว่วมาว่าไม่น่าจะเกินวันที่ 10 เมษายน หรืออย่างช้าที่สุดก็ไม่เกินกลางเดือนพฤษภาคม จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ส.ส.ร.เพื่อมาร่างฉบับใหม่ ตามตารางเวลาที่กำหนดเอาไว้ว่าต้องใช้เวลาทั้งหมดไม่เกิน 180 วัน หรือ 6 เดือน

นั่นคือเสร็จสิ้นประมาณปลายปี ซึ่งหลับตาก็พอนึกภาพได้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะออกมาแบบไหน เมื่อ ทักษิณ เป็นเจ้าของคนพวกนี้ ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามที่ต้องการ ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อน ที่สำคัญต้องได้ประโยชน์ ส่วนเรื่องประชาธิปไตยนั้นมันเป็นแค่ “น้ำลายสกปรก”ที่พ่นออกมาเท่านั้น

นาทีนี้ไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้ว เพราะชัดยิ่งกว่าชัดว่า ทั้งเรื่องการเตรียมเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม(ในชื่อพ.ร.บ.ปรองดอง) ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะเสนอเป็นพระราชกำหนดเสียด้วยซ้ำไปเพื่อความรวดเร็วขึ้นไปอีกก็เป็นได้ รวมทั้งเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็เพื่อประโยชน์ของคนเพียงคนเดียวคือ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น ทำราวกับว่าประเทศนี้ขาดเขาไม่ได้ หรือถ้าไม่มีเขาแล้วบ้านเมืองจะฉิบหาย ไม่พัฒนา ข้าวของราคาจะถูกลง เนื่องจากสิ่งที่กำลังเร่งดำเนินการอยู่มุ่งไปแบบนั้นจริงๆ เพราะถึงขนาดต้องแก้กฎหมาย เพื่อลบล้างความผิด ล้างคำพิพากษาเสียใหม่ให้เป็นคุณ หรือคนที่เคยเป็นศัตรูอยู่ตรงกันข้ามก็ต้องหันกลับมาปรองดองกันหน้าตาเฉย ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่าง ทักษิณ สำคัญยิ่งยวดอย่างเหลือเชื่อ

ในทางตรงกันข้ามถ้า ทักษิณ ไม่ใช่คนสำคัญถึงขั้นที่ต้องลบล้างกติกา ร่างกฎหมายขึ้นมามารองรับโดยเฉพาะ มันก็สมควรที่สังคมต้องร่วมใจกันลุกขึ้นมาต่อต้าน เพราะถือว่าเป็นการเอาเปรียบ “สองมาตรฐาน” ของจริง และที่ผ่านมาก็ต้องถือว่าคนในครอบครัวนี้ได้ย่ำยีกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองมานานพอแล้ว สมควรที่ทุกคนจะตาสว่างกับนักการเมือง “กระจอก” เหล่านี้เสียที และที่ผ่านมากี่ปีก็ล้วนแล้วแต่เห็นพวกหน้าตาเดิมๆที่คอยซ้ำเติมเกาะกินใครก็ได้ที่มีอำนาจ คอยอิงแอบฉกฉวยประโยชน์อยู่ตลอดเวลา บางคนอ้างแบบหน้าไม่อายว่าเป็นนักประชาธิปไตย แต่ชั่วชีวิตล้วนแล้วแต่รับใช้ ได้ดิบได้ดีมากับเผด็จการอยู่ตลอดเวลา และที่กล่าวถึงไม่เว้นแม้กระทั่งตัว ทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีจากธุรกิจผูกขาด “ขวัญใจไพร่” คนนี้ด้วย !!