ประธาน นปช.ซัด ปชป.ตั้งธงขวางปรองดอง ไม่อยากเห็นประเทศชาติเดินหน้า ใช้มวลชนแดงการันตีความบริสุทธิ์ “นช.แม้ว” ส่งเสียงเชียร์โซ่ข้อกลางพาตัวเคลียร์ใจ “ป๋า” ด้าน “ก่อแก้ว” เชิดชูบิ๊กบัง “โจรกลับใจ”
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่สำนักงานใหญ่ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ อาคารห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวถึงกรณีการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศว่า จุดเริ่มต้นของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ต้องการที่จะสร้างความสงบให้เกิดขึ้นและต้องการสร้างความปรองดองกับทุกฝ่ายที่เป็นประชาชน โดยที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงก็ใช้วิธีการแบบสันติวิธีมาตลอด และต้องอดทนอย่างมากกับการที่ต้องทนเห็นพี่น้องเสื้อแดงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำเป็นเวลานาน จนในที่สุดคนที่มีความรักในประชาธิไตยก็ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งการที่การชนะเลือกตั้งในครั้งนี้จะนำไปสู่การปรองดองที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ การที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามขัดขวางการสร้างความปรองดองของคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคมาตุภูมิเป็นประธานนั้นก็ไม่ทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีเหตุผลอะไรที่ไม่ต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้า และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน คือคู่ขัดแย้งของรัฐไทยนั้นก็เป็นความเท็จทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงนั้นต่างก็ออกมาปกป้องอดีตนายกรัฐมนตรีกันทั้งนั้น อีกทั้งการที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ออกมาระบุว่า อยากเห็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ หันหน้าหารือเพื่อลดความขัดแย้งก็ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่ทุกอย่างควรให้ประชาชนผู้ซึ่งมีความรักในประชาธิปไตยมีส่วนร่วม
ด้าน นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.กล่าวว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาว่ารายงานของ กมธ.ปรองดอง ที่มี พล.อ.สนธิเป็นประธานนั้นเป็นรายงานเถื่อน ตนก็อยากชี้ให้เห็นว่าบุคคลที่ออกมากล่าวหานั้นเป็นคนเถื่อนมากกว่า เพราะการที่ไม่ยอมรับแนวทางการสร้างความปรองดอง ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีประชาธิปไตยในหัวใจ พร้อมกันนี้ยังเปรียบเทียบว่า พล.อ.สนธิเป็นโจรกลับใจ เพราะจากที่ตัวเองนั้นเคยเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549 แต่ในขณะนี้เห็นว่าประเทศไทยควรมีทางออก จึงอยากที่จะคืนอำนาจให้แก่ประชาชนและสังคม อีกทั้งตนก็ต้องขอบคุณที่ พล.อ.สนธิทำการยึดอำนาจเมื่อปี 2549 และทำให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายอภิสิทธิ์กลับไม่สำนึกในบุญคุณ ดังนั้น หากทุกฝ่ายอยากเห็นประเทศไทยมีความก้าวหน้าก็ควรที่จะเดินหน้าสร้างความปรองดองไปพร้อมกัน โดยทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ไว้ข้างหลัง หากพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่กลับตัว