“เทพไท” อัด กมธ.แก้ รธน.เสียงข้างมากสุดอัปยศ หักคอกลับมติที่มา ส.ส.ร. ชี้ขยายเวลาประชุมสภาหวังดันแผนสนองนายใหญ่สำเร็จก่อนสิ้นปี ท้าแน่จริงเปิดวิสามัญให้โอกาสซักฟอกจริยธรรมนายกฯ
วันนี้ (30 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ 2550 กล่าวถึงกรณีที่มีการประชุมกมธ.แก้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ถือเป็นการประชุมกมธ.รัฐธรรมนูญที่อัปยศที่สุดในประวัติศาสตร์การเมือง โดยเฉพาะการกลับมติที่มีการลงมติโดย กมธ.เสียงข้างน้อยที่ได้รับชัยชนะไปแล้ว ทั้งนี้ ได้มีการตั้งข้อสังเกตว่าได้รับสัญญาณจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินัวตร อดีตนายกฯ เข้ามาดำเนินการมัดมือชก และกลับมติทั้งหมด โดยเฉพาะการเดินเกมของ 3 คนคือ นายวัฒนา เมืองสุข รองประธาน กมธ. นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความถุงขนม 2 ล้านบาท โดยมีการเดินเกมอย่างไม่ประนีประนอมและใช้วิธีการหักคอทุบโต๊ะให้ยืนต่างร่างของ ครม.เป็นหลัก ดังนั้น เชื่อว่าหาก กมธ.ชุดนี้จะลุแก่อำนาจ และต้องการให้ทันเวลาที่นายใหญ่ต้องการ ตนขอเสนอว่าเวลา 2 วันที่เหลือให้ใช้ร่างครม.เป็นหลัก และให้ผ่านการรับรองทั้งฉบับจะได้จบสิ้นไปเลย ทั้งนี้ กมธ.ของพรรคประชาธิปัตย์จะใช้โอกาสในวาระ 2 ในการแปรญัตติใช้สิทธิอภิปรายอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นเอกสิทธิ์ที่รัฐบาล หรือ กมธ.เสียงข้างมากไม่สามารถปิดปากได้
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ ครม.มีมติถอน พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติออกไปอย่างไม่มีกำหนดนั้น ถือเป็นนัยสำคัญทางการเมือง โดยเฉพาะการไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ จึงพยายามเปิดไว้เพื่อที่จะรอการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จเสียก่อน เพราะไม่สามารถคาดการว่าการใช้เวลาอภิปรายในวันที่ 11-12 เม.ย.จะทันหรือไม่ และอาจต้องทอดยาวไปหลังเทศกาลสงกรานต์ จึงอยากเรียกร้องว่ารัฐบาลไม่ควรที่จะเลื่อน พ.ร.ฎ.ออกไป ควรจะให้ปิดสมัยประชุมในวันที่ 18 เม.ย.ตามกำหนดเดิม และหากภารกิจที่นายใหญ่ต้องการคือ การปรองดอง นิรโทษกรรม และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่เสร็จตามเป้าหมายก็ให้ใช้สิทธิเปิดประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องเหล่านี้ แต่เชื่อว่ารัฐบาลนี้โดยเฉพาะนายกฯ ที่หนีสภามาตลอด อาจจะไม่ใช้ช่องทางการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพราะจะเปิดช่องให้พรรคฝ่ายค้านสามารถยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการช่วงของการเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้
“ขอท้าว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้ถ้าไม่กลัวการตรวจสอบก็ขอให้ปิดสมัยประชุมตามกำหนด และให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญขึ้นมา โดยเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำการตรวจสอบตามหนทางระบอบประชาธิปไตย โดยเรามีคณะทำงานหลายชุดที่สามารถสรุปประเด็นการทำงานของรัฐบาล ผมเชื่อว่ามีหลายรปะเด็นมาก แม้กระทั่งเรื่องวุฒิภาวะของการเป็นผู้นำ เรื่องจริยธรรม คุณธรรม ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มาก และน่าจะเป็นประเด็นหนึ่งที่สามารถวิพากษ์วิจารณได้นอกจากความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินในห้วงเวลา 8 เดือนที่ผานมา” นายเทพไทกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ คือเป้าหมายหนึ่งที่ฝ่ายค้านนำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายเทพไทกล่าวว่า นายกฯ อยู่ในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุดจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แม้ที่ผ่านมาจะสามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสื่อได้ โดยโยนให้รัฐมนตรีรับผิดชอบตอบแทน หรือโยนให้เป็นเรื่องของสภา แต่ถ้ามีการยื่นญัตติอภิปรายตัวนายกฯ และ ครม.ทั้งคณะก็ไม่สามารถโยนให้ใครได้ จุดนี้จึงทำให้นายกฯ กลัวตลอด และเชื่อว่ากุนซือที่อยู่เบื้องหลังก็พยายามใช้แนวทางขยายการประชุมสามัญนิติบัญญัติแทนการเปิดประชุมวิสามัญ เพื่อปิดช่องทางการอภิปรายของฝ่ายค้าน
เมื่อถามว่าการขยายเวลาประชุมสภาออกไปจะทำให้การกลับมาของ พ.ต.ท.ทักษิณสำเร็จหรือไม่ นายเทพไท กล่าวว่า หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จก็ถือเป็นการเปิดประตูให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น หนทางจะเร็วหรือช้าอยู่ที่กระบวนการทั้งหมดว่าจะเร่งรัดมากแค่ไหน แต่เชื่อว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจะเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว เพียงแต่ พ.ต.ท.ทักษิณจะใส่ไฟหรือราดน้ำมันลงในกองเพลิงมากน้อยแค่ไหน และเร็วแค่ไหนเท่านั้น เมื่อถามอีกว่าการที่รัฐบาลประเมินว่ากระแสต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีพลังเพียงพอที่จะต่อต้านกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นั้น นายเทพไทกล่าวว่า เป็นการดูถูกพลังประชาชน เชื่อว่าวันนี้พลังเงียบมีอยู่มาก แต่เมื่อมีขีดความอดทนที่จำกัด และรับไม่ได้ก็คงจะออกมาด้วยตนเอง