xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.แก้ รธน.ล่ม หลังมติเสียงข้างมากสั่งแขวนร่าง ครม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สามารถ แก้วมีชัย
ที่ประชุม กมธ.แก้ รธน.ถกวุ่นหลังเสียงข้างมากมีมติไม่เห็นด้วยกับร่าง ครม. ทำให้ กมธ.ซีกพรรคไทยป่วนเสนอนับคะแนนใหม่ พร้อมสั่งยุติการประชุมกลางคัน ด้าน กกต.ชี้ต้องมี กม.รองรับลือกตั้ง ส.ส.ร. กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญซีก ปชป.เสนอที่มา ส.ส.ร.ต้องมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด

วันนี้ (28 มี.ค.) ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช... ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม โดยในวันนี้ (28 มี.ค.) ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการพิจารณามาตรา นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนมีข้อกังวลเรื่องการพิจารณากฎหมายที่คาบเกี่ยวกับหน่วยงานใดๆ ควรจะมีการรับฟังหน่วยงานดังกล่าวด้วย ซึ่งวันนี้ก็ได้มีความเห็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วว่าควรออกเป็นกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรง ซึ่งตนคิดว่าต้องออกเป็น พ.ร.บ.โดยผ่านรัฐสภา

จากนั้นที่ประชุมได้เข้าสู่การพิจารณามาตรา 291/1 ว่าด้วยเรื่องที่มา ส.ส.ร.อีกครั้ง เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่า หากไม่ได้ข้อสรุปในมาตราดังกล่าว มาตราที่อยู่ลำดับท้ายก็จะไม่สามารถพิจารณาต่อได้ ดังนั้น ประธานจึงให้กรรมาธิการเสนอความคิดเห็นเรื่องที่มา ส.ส.ร. โดยในฝั่่งของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา เสนอให้ ส.ส.ร.มีจำนวน 200คน และมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด โดยไม่จำกัดวุฒิการศึกษาสามารถสมัครได้ตั้งแต่ผู้ที่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร เสนอให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดโดยแบ่งเป็นเขตการเลือกตั้ง 200คน และแบบบัญชีรายชื่อ 20 คน ให้มีการจัดเลือกตั้งล่วงหน้า อีกทั้งเสนอให้ผู้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรที่มีคุณสมบัติสามารถเลือกตั้ง ส.ส.ร.ได้ให้มีสิทธิเลือกตั้ง

ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป.ยืนยันว่าให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง โดยยึดหลักฐานประชากร 5 แสนคนต่อ ส.ส.ร.1 คน ถ้าจังหวัดใดมีประชากรน้อยกว่า 5 แสนคน กำหนดให้มี ส.ส.ร.1 คน โดยมีแนวคิดว่าให้ประชาชนเลือก ส.ส.ร.ได้ 1 คนเท่านั้น ซึ่งถ้าคำนวนณตามหลักเกณฑ์ที่เสนอจะได้ ส.ส.ร.ทั้งหมด 130 คน ในส่วนของผู้เชี่ยวชาญตนเห็นด้วยกับร่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตรงที่ว่ามีผู้เชี่ยวชาญมาจากสาขากฎหมายมหาชน สาขารัฐศาสตร์ หรือรัฐประศาสนศาสตร์ และจากผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง แต่ไม่เห็นด้วยกับการให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือก จึงเสนอให้สถาบันการศึกษาเป็นผู้เสนอและให้ประชาชนเลือกอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้หลักเกณฑ์ว่าผู้ที่มีคะแนนสูงสุดเป็นลำดับที่ 1-20 เป็น ส.ส.ร.

ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธนานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ในส่วนของตนขอเสนอให้มีจำนวน ส.ส.ร.200 คน โดยให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดและไม่มีผู้เชี่ยวชาญ แต่สามารถตั้งเป็นที่ปรึกษาหรือตั้งเป็นคณะอนุกรรมการได้ในภายหลังและยึดหลักการเลือกตั้ง ส.ว.ปี 43 คือใช้ฐานประชากร 3.2 แสนคนต่อ ส.ส.ร.1 คน ภายใต้แนวคิดประชาชน 1 คนต่อ 1 สิทธิ ซึ่งในข้อเสนอของ นพ.เจตน์ มีลักษณะเช่นเดียวกับนายวิรัตน์

จากนั้นนายสามารถได้มีมติให้สมาชิกลงคะแนนเสียงว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างครม.หรือไม่ ผลปรากฏว่าเห็นด้วย 10 ท่าน และไม่เห็นด้วย 12 ท่าน ดังนั้น จึงทำให้ กมธ.ซีกเพื่อไทยไม่พอใจและอภิปรายถกเถียงถึงแนวทางการลงคะแนนเสียงของข้อเสนอ 9 ข้อที่ถูกต้องว่าควรเป็นอย่างไร โดยในฝั่งพรรคประชาธิปัตย์พยายามที่จะบอกกับประธานว่าได้มีการขานผลสรุปคะแนนแล้วไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ อย่างไรก็ตาม ซีก กมธ.เพื่อไทยแสดงความเห็นให้ประธานทบทวนการลงมติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุมเกิดความวุ่นวาย โดยเริ่มต้นจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน กมธ.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขอเสนอให้ร่างของพรรคเพื่อไทย และร่างของ ครม.เข้าไปพิจารณาด้วย โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ กมธ.พรรคประชาธิปัตย์ พูดแทรกว่า ไม่ได้ก็คือไม่ได้ จากนั้น นพ.ชลน่านก็ตอบโต้ว่าตนก็ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับมาโดยตลอด ไม่ทำตามอำเภอใจ นักเลงก็คือนักเลง จนกระทั่งนายนิพนธ์ชี้นิ้วไปทาง นพ.ชลน่าน พร้อมกับกล่าวให้ถอนคำพูด ซึ่งหลังจากนั้น นพ.ชลน่านก็ถอนคำพูด ในท้ายที่สุดประธานสั่งยุติการประชุมโดยให้เหตุผลว่าการประชุมล่วงเลยเวลาที่กำหนดมา และสั่งให้มีการหาข้อสรุปเรื่องดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.)
กำลังโหลดความคิดเห็น