สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย-ทีดีอาร์ไอ-สถาบันพระปกเกล้า-สถาบันวิจัยสังคม จุฬาฯ และสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย จับมือขยายพื้นที่เสรีภาพสังคมไทยในวาระครบ 80 ปีปฏิวัติ 2475 หวังขยายพื้นที่สิทธิเสรีภาพทางวิชาการให้ครอบคลุมองค์กรจากสาขาต่างๆ ที่เห็นต่างร่วมแสดงออกปัญหาสำคัญ
วันนี้ (28 มี.ค.) ที่ห้องวรรณไวทยากร ตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้มีการจัดงานแถลงข่าว “ความร่วมมือ 5 สถาบันกับภารกิจการขยายพื้นที่เสรีภาพให้แก่สังคมไทย 80 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และ 40 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516” ซึ่งจัดโดยความร่วมมือของสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) สถาบันพระปกเกล้า และสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย
โดย นายธีรยุทธ บุญมี ผู้อำนวยการสถาบันสัญญา ธรรมศักดิ์ เพื่อประชาธิปไตย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อ่านแถลงการณ์ที่ระบุช่วงหนึ่งว่า เนื่องในโอกาส 80 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและ 40 ปีของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 สิ่งที่ประชาชนไทยได้มาและได้ใช้อย่างเต็มที่คือ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงและทางอ้อมในการผลักดันให้ทั้งเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ได้ก้าวมาสู่ยุคปัจจุบัน แม้จะมีช่วงขึ้นลง แต่โดยรวมดีกว่ายุคเผด็จการ ทั้ง 5 สถาบันเห็นพ้องกันว่าปัจจุบันได้ถึงยุคสมัยที่ควรจะขยายพื้นที่ทางและเสรีภาพให้กว้างขวางเพิ่มเติมโดยอาศัยหลักการว่าเสรีภาพคือการใช้สิทธิอำนาจของตัวเองเพื่อรับผิดชอบต่อตัวเอง ผู้อื่นและส่วนรวม การขยายพื้นที่เสรีภาพจึงบ่งชี้ว่าประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันจึงมีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องมีเสรีภาพในการแสดงออกและเสนอปัญหาในทุกประเด็น และจะพยายามขจัดอคติทั้งปวง
“ทั้ง 5 สถาบันหวังว่าจะสามารถขยายพื้นที่สิทธิเสรีภาพทางวิชาการให้ครอบคลุมองค์กรวิชาการและนักวิชาการจากสาขาวิชาการต่างๆ ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันให้มาร่วมแสดงออกและทำความเข้าใจประเด็นปัญหาที่สำคัญ” แถลงการณ์ระบุ
ขณะที่ นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวเสริมว่า สังคมขณะนี้มีความขัดแย้งสูง ไม่ค่อยมีทางออกหรือทางออกตีบตัน เสรีภาพวิชาการเป็นเรื่องสำคัญในการแสวงหาทางออกให้กับภาวะที่ตีบตันนี้ได้ ทีดีอาร์ไอจึงพร้อมสนับสนุนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทั้งนี้ มองว่าปัญหาสังคมการเมืองมีความซับซ้อนมากขึ้น ฝ่ายการเมืองพยายามหาทางออกด้วยนโยบายระยะสั้นแสวงหาฐานเสียง ไม่ให้ความสำคัญปัญหาที่ซับซ้อน จึงไม่สามารถแก้ปัญหาได้
“เสรีภาพวิชาการเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้เสรีภาพในประเทศไทยไม่ได้มีทุกตารางนิ้ว แต่ต้องเป็นเสรีภาพที่ต้องมีความรับผิดชอบด้วย นักวิชาการก็ไม่กล้าแสดงออกซึ่งเสรีภาพ เพราะอาจถูกตีตราว่าเป็นฝ่ายไหน มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง มีปัญหาต้องคดี วิจารณ์มากไปก็โดนแบล็คลิสต์งานวิจัย สื่อมวลชนเองก็มีปัญหาจะไม่ได้โฆษณาจากภาครัฐ” นายนิพนธ์ระบุ
ขณะที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า เวลานี้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน ถ้าฝ่ายวิชาการไม่สามารถนำทุกฝ่ายมาร่วมวงกันได้ ก็จะได้เห็นภาพเหมือนกับการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งเป็นภาพที่ไม่ได้นำประเทศไปสู่ความปรองดอง ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติของสังคมมนุษย์ แต่ความเห็นต่างนำไปสู่ความขัดแย้ง รุนแรง ยุติได้ถ้าทุกฝ่ายมานั่งคุยกันบนโต๊ะ 4-5 ปีที่ผ่านมามันไม่มีสำหรับพื้นที่ความเห็นต่างมาอยู่ด้วยกัน แต่ละคนก็มีมุมของตัวเองแล้วก็มีวิวาทะกัน จึงควรมีเวทีแบบนี้เพื่อให้ทุกฝ่ายมาร่วมกัน และควรมากกว่านี้ไม่ใช่แค่ 5 สถาบันนี้เท่านั้น
ด้าน นายสุริชัย หวันแก้ว กล่าวเสริมว่า เสรีภาพของนักวิชาการต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสังคม ที่จะต้องทำให้สังคมรับฟังกันมากขึ้น เพราะขณะนี้สถานการณ์การเมือง มีความหมิ่นเหม่ที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งการเปิดพื้นที่ทางวิชาการเพื่อให้ประชาชน ได้มีทางออกจากความขัดแย้งและออกจากปัญหาทางการเมือง ที่ส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศมาตลอด 4-5 ปีนี้ และเรากำลังแย่ถ้าไม่เดินไปข้างหน้า แต่ไม่ใช่การลืมอดีต เพราะทุกอย่างต้องมีคำตอบที่แท้จริง ซึ่งตนเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ทางการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต้องมีกติกาว่าคนไม่มีตำแหน่งทางการเมือง อย่ามามีบทบาทเหนือการเมืองเช่นพวกอยู่นอกรัฐธรรมนูญ ดังนั้นต้องลดทบบาทอย่าไปให้ความสำคัญ ที่ทำให้คนไทยไม่เห็นความสำคัญของคนนั้นๆไปด้วย แล้วหันมาพัฒนาประเทศ อย่าปล่อยให้เกิดสงครามจากการปรองดอง แต่ปากที่ไม่มีความจริงใจ เพราะทำเพื่อมุ่งหวังเอาชนะ หรือแพ้ในทางการเมืองเท่านั้น ซึ่งประชาชนต้องมองให้ออกอย่าไปร่วมวงด้วย