xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ร่อน จม.เปิดผนึก ฉ.3 แนะทีมวิจัย ส.พระปกฯ ทบทวน 3 ประเด็นหลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
“อภิสิทธิ์ ” ทำ จม.เปิดผนึกฉบับที่ 3 แนะคณะวิจัยสถาบันพระปกเกล้าทบทวนรายงาน 3 ประเด็นหลัก พร้อมประสาน คอป.ทำรายงานฉบับที่ 3 ส่ง รบ.ภายในสิ้นเดือน ปิดช่อง รบ.ใช้ผลสรุป กมธ.ปกครองตอบโจทย์ให้คนผิด พร้อมแนะ “สมศักดิ์” เรียกประชุม กก.สภาสถาบันฯถกปัญหาและกำหนดท่าทีที่ชัดเจน ย้ำ หากปล่อยให้ กมธ.ปกครองเขียนรายงานบิดเบือนต้องรับผิดชอบ และหากไม่มีการทบทวนบ้านเมืองจะไปสู่สภาพ ความยุติธรรมของผู้ชนะ


วันนี้ (25 มี.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 3 เรื่องการปรองดอง โดยมีสาระสำคัญสรุปว่า ตนเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่า นายวุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และคณะผู้วิจัย ว่ามีความตั้งใจดีที่จะร่วมหาทางออกให้แก่บ้านเมือง แต่อาจลืมมองถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าหากปล่อยให้มีการนำงานวิจัยนี้เข้าสู่สภาจนนำไปสู่การลงมติ ย่อมสายเกินกว่าที่จะถอนรายงานวิจัยออกมา และ เมื่อถึงเวลานั้นแม้คณะจะอ้างว่าได้ทำข้อโต้แย้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังกรรมาธิการฯ แล้วก็คงไม่สามารถหนีสภาพที่ต้องตกเป็นจำเลยร่วมกับเสียงข้างมากที่กำลังลากความ ปรองดองไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ได้ ในฐานะที่ตนเป็นกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า และเป็นหนึ่งในผู้ทรงคุณวุฒิที่คณะผู้วิจัยกรุณามาสัมภาษณ์ถามความเห็นเกี่ยวกับแนวทางปรองดอง จึงขอเสนอให้ถอนรายงานวิจัยออกจากคณะกรรมาธิการฯ ทันที เพื่อดำเนินการยืนยันตามเจตนารมณ์ของคณะผู้วิจัยที่ได้ประกาศไว้ และทบทวนรายงานในประเด็นดังต่อไปนี้

1. กรณีข้อเท็จจริงเมื่อคณะผู้วิจัยเสนอให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงของ คอป. และเสริมความเขื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม เป็นองค์ประกอบสำคัญของกระบวนการปรองดอง ก็ควรจะเริ่มต้นจากคณะผู้วิจัยเอง ที่ควรนำเอาข้อสรุปของคอป. เกี่ยวกับต้นตอของวิกฤต คือ คดีซุกหุ้น พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นส่วนหนึ่งของรายงาน แทนการเขียนถึงเรื่องนี้เพียง 2-3 ประโยคในลักษณะที่สวนทางกับข้อสรุปของ คอป. และยังสมควรเอาคำพิพากษาของศาลในหลายๆคดีที่เกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง การเผาศาลากลาง และสถานที่สำคัญ มาบรรจุไว้ มิใช่กล่าวลอยๆ ว่าขณะนี้ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันว่าอะไรเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. ปี 2553

2. ทบทวนข้อเสนอที่สุดโต่ง และนำมาสู่ความขัดแย้ง คือการยกเลิกคดี คตส.ทั้งหมด และห้ามไม่ให้มีการนำมาพิจารณาใหม่ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ของผู้ต้องการหลุดคดี และเป็นการเสนอโดยกลุ่มคนดังกล่าวโดยคณะผู้วิจัยก็ยอมรับว่าเป็นข้อเสนอที่จะทำให้ การสร้างความปรองดองเป็นไปได้ยากเพราะบางกลุ่มเห็นว่าถ้ากระทำผิดยังลอยนวลไม่มีการพิสูจน์ข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดหรือไม่ ขณะที่คณะผู้วิจัยกลับไม่ยอมรับข้อเสนอของผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมากที่ไม่มีส่วนได้เสียในคดีที่ให้คดีคตส. เดินหน้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยอ้างว่าไม่ตอบโจทย์การปรองดอง

“หากไม่มีการทบทวนเรื่องนี้รัฐบาลก็จะหยิบทางเลือกนี้ไปเริ่มดำเนินการตามรายงานของกรรมาธิการปรองดอง ทำให้กระบวนการปรองดองถูกแปรเป็นการตอบโจทย์ผู้กระทำความผิด โดยไม่คำนึงถึงความเป็นธรรมกับความถูกต้องของบ้านเมืองไปสู่สภาพ ความยุติธรรมของผู้ชนะ”

3. คณะผู้วิจัยควรใช้โอกาสการทบทวนนี้ประสานกับ คอป. ซึ่งกำลังทำรายงานฉบับที่ 3 ส่งให้รัฐบาลภายในสิ้นเดือนนี้เพื่อนำมาประกอบการวิจัย เพราะแม้แต่นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป. ยังตั้งข้อสังเกตว่าข้อเสนอต่างๆของกมธ.ปรองดองไม่ปรากฏข้อเสนอแนะของ คอป.อยู่เลย จึงสงสัยว่า คอป.ทำงานไม่ดีหรืออย่างไร. และการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ทรงคุณวุฒิ 47คนของสถาบันพระปกเกล้า ใช้เทียบเคียงกับงานสำรวจความคิดเห็นได้หรือไม่ เพราะมองว่าสัดส่วนน้อยมาก ตนจึงเรียกร้องให้คณะผู้วิจัยถอนรายงานที่กำลังถูกบิดเบือนไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ซึ่งจะสร้างความขัดแย้ง และทำลายความถูกต้องในบ้านเมือง อันจะส่งผลให้คณะผู้วิจัยและสถาบันพระปกเกล้าถูกครหาว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องการกระทำเช่นนี้ด้วย

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังยื่นข้อเสนอป ถึงนายสมศักดิ์ เกียรตสุรนนท์ ในฐานะประธานกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้า และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ในฐานะเลขานุการสภาฯ ให้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการสภาฯ โดยด่วน เพื่อพิจารณาปัญหาทั้งหมดนี้ เพราะกรรมการสภาฯ เป็นผู้อนุมัติให้มีการจัดทำงานวิจัยนี้ จึงหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ การประชุมเพื่อการกำหนดท่าทีที่ชัดเจน จะเป็นการปกป้องชื่อเสียงของสถาบันฯ เพราะการไม่เรียกการประชุมในขณะนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการปล่อยให้รายงานของคณะกรรมาธิการฯ เขียนโดยกรรมาธิการคนเดียวหรือกลุ่มเดียว ทั้งๆที่มีการทักท้วงจากกรรมาธิการอีกจำนวนหนึ่ง หากปล่อยไปเช่นนี้ ประธานคณะกรรมาธิการฯจะต้องรับผิดชอบกับกระบวนการบิดเบือนข้อเสนอของผู้วิจัย และการสร้างความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ เพราะการเข้ามาเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้ ต้องการเข้ามาแก้ไขความขัดแย้ง ที่ตนมีส่วนร่วมในการสร้างขึ้นด้วย

“ขณะนี้ความสำเร็จเรื่องการปรองดองแขวนอยู่บนเส้นด้าย รายงานของคณะผู้วิจัยสามารถนำไปใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการหาข้อยุติร่วมกัน เพื่อสร้างความปรองดองได้ จะเป็นเรื่องน่าเสียดายมากหากรายงานชิ้นนี้ต้องกลายเป็นเพียงเครื่องมือของผู้มีอำนาจในการฉกฉวยผลประโยชน์ และสร้างความขัดแย้งรอบใหม่ ส่งผลให้ความหวังของสังคมในเรื่องการปรองดองต้องล่มสลายไปโดยสิ้นเชิง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น