ลูกพรรค พท.อ้าง จม.เปิดผนึก “บิ๊กจิ๋ว” เสนอให้นำนโยบาย 66/23 มาใช้เพื่อเป็นทางออกสู่ความปรองดอง ระบุ ให้เลิกแล้วต่อกัน ไม่มีการคุมขัง และปล่อยตัวไปเป็นอิสระ หนุนออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ช่วยให้กระบวนการยุติธรรมดีขึ้น เห็นชอบยกเลิกคำสั่ง คตส.ชี้ที่มาไม่ถูกต้อง
วันนี้ (26 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้นำจดหมายเปิดผนึกตอบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ของ พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เรื่องการสร้างความปรองดองแห่งชาติ อดีตนายกรัฐมนตรี มาให้เจ้าหน้าที่สภาฯ เพื่อนำมาเผยแพร่แก่สื่อมวลชน
สาระสำคัญในจดหมายเปิดผนึก กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาวุ่นวายในบ้านเมือง ควรใช้มาตรการทางการเมืองตามนโยบาย 66/23 เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่มีการจับกุมคุมขังตามกฎหมายอาญา หรือกฎหมายคอมมิวนิสต์ ไม่มีการฆ่า การทรมาน “มอบอาวุธหรือปลดอาวุธ แล้วปล่อยตัวไปเป็นอิสระ”
ในจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว ยังระบุด้วยว่า นโยบาย 66/23 ดำเนินการตามกฎหมาย 2 ด้าน ด้านกฎหมายแห่งชาติ คือ กฎหมายสูงสุดว่าด้วย “ความมั่นคงแห่งชาติเป็นกฎหมายสูงสุด” ตามหลักนิติธรรม กฎหมายใดขัดย่อมเป็นโมฆะ รวมทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญด้วย การใช้นโยบายดังกล่าวจะไม่มีการจับกุมดำเนินคดีในศาล หรือการเข่นฆ่าทรมานใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีผลสามารถยุติสงครามลงได้ และเริ่มต้นความสามัคคี
ด้านกฎหมายระหว่างชาติ คือ สนธิสัญญากรุงเฮก และสนธิสัญญาเจนีวา ว่าด้วยการทำสงครามทุกชนิด รวมทั้งสงครามกลางเมือง เมื่อยอมยุติแล้วก็ให้ปลดอาวุธแล้วปล่อยตัวเป็นอิสระ ห้ามฆ่า ห้ามจับกุมคุมขังทรมานใดๆ ทั้งสิ้น นั่นคือ ไม่ใช่กฎหมายแห่งชาติ เช่น กฎหมายอาญา หรือ พ.ร.บ.คอมมิวนิสต์ หรือกฎหมายแพ่งมาดำเนินคดีใดๆ โดยเด็ดขาด คือ เลิกแล้วต่อกันอย่างปราศจากเงื่อนไขตลอดไป ซึ่งในส่วนนี้จดหมายเปิดผนึก ระบุว่า ไทยต้องผูกพันปฏิบัติตาม เพราะเป็นภาคีและให้สัตยาบันรับรองเรียบร้อยแล้ว ตามหลัก “กติกาสัญญาต้องยึดถือ” นอกจากนี้ ยังระบุว่า นโยบายดังกล่าวยังไม่ได้ยกเลิก ทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย ดังนั้น จึงดำเนินการตามนโยบายนี้ได้เลย เพียงแค่ยกนโยบายนี้ขึ้นมาดำเนินการก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนในของจดหมายฉบับดังกล่าว อ้างว่า พลเอก ชวลิต ออกมาตอบโต้นายอภิสิทธิ์ ในกรณีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะล้มล้างอำนาจตุลาการ ทำลายระบบยุติธรรมว่า การออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะช่วยให้ระบบยุติธรรมของไทยดีขึ้น เพราะจะไม่นำเอาปัญหาการเมืองที่เกิดจากระบอบการรัฐสภาและเผด็จการรัฐประหาร เข้ามาแก้ไขระบบยุติธรรมของศาล นอกจากจะแก้ไขปัญหาไม่ได้ กลับทำให้ปัญหาบานปลายมากขึ้น พร้อมยืนยันการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะทำให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ เชื่อว่า การใช้นโยบาย 66/23 สร้างประชาธิปไตยในอดีตจะเป็นทางออกสูงสุดของชาติ โดยนิรโทษกรรมอย่างไม่มีเงื่อนไข ช่วยให้เกิดความปรองดองและความสามัคคีในชาติได้อย่างแท้จริง
ส่วนการยกเลิกคดีที่ดำเนินโดย คตส.นั้น เห็นว่า ทุกอย่างจะต้องกลับไปสู่สภาพเดิม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการเมือง เมื่อ คตส.มีที่มาไม่ถูกต้อง จึงถือว่าผิดตั้งแต่ต้น ดังนั้น เมื่อระบอบทำให้เกิดปัญหา จึงต้องยุติทุกอย่างที่ดำเนินการโดย คตส.