xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” หารือผู้นำเกาหลีใต้ ต่างร่วมพัฒนาความมั่นคง การค้า ทรัพยากรน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (แฟ้มภาพ)
“ยิ่งลักษณ์” นำคณะพบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ทั้งไทย-เกาหลี ต่างยืนยันร่วมพัฒนาความร่วมมือเพื่อความมั่นคง การค้าและการบริหารจัดการทรัพยกรน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.30 น.วันนี้ (24 มี.ค.) (ตามเวลาท้องถิ่น) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินซอน กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ในโอกาสเยือนสาธารณรัฐเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการ โดยมีผู้แทนระดับสูงจากรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ พร้อมด้วยเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย รอให้การต้อนรับที่เชิงบันไดเครื่องบิน ก่อนเดินผ่านแถวทหารเกียรติยศ จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรมล้อตเต้ (Lotte) ที่พัก

ต่อมาเวลา 16.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากโรงแรมที่พักไปยังสุสานแห่งชาติกรุงโซล (Seoul National Cemetery) เพื่อวางพวงมาลา ก่อนเดินทางต่อไปยังทำเนียบประธานาธิบดี (Cheong Wa Dae) เพื่อเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วยการตรวจแถวทหารเกียรติยศ และลงนามในสมุดเยี่ยม

จากนั้น เวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรีและคณะหารือทวิภาคีเต็มคณะกับนายอี มยอง บัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ซึ่งคณะทางการฝ่ายไทย ประกอบด้วย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม นางนลินี ทวีสิน และ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ นายลี เมียง บัค ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้กล่าวต้อนรับการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย พร้อมได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยที่ได้เป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดที่ได้ร่วม ส่งกำลังทหารเข้าร่วมรบในสงครามเกาหลี และให้ความสำคัญในการสนับสนุนรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีใต้ในด้านการรักษาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี และเรื่องพลังงานปรมาณูของเกาหลีเหนือ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวขอบคุณ ประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ที่ได้ให้เกียรติเชิญมาเยือนสาธารณะรัฐเกาหลีใต้ในครั้งนี้ และขอบคุณรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ได้ให้ความสำคัญต่อเหล่าทหารผ่านศึกชาวไทยโดยการเชิญทหารผ่านศึกเดินทางไปประเทศเกาหลีและการมอบทุนการศึกษาของรัฐบาลเกาหลีแก่บุตรหลานของทหารผ่านศึกชาวไทยด้วย

ทั้งนี้ ในการหารือ ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีใต้ได้แสดงถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกัน ซึ่งได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2501 และได้มีความคิดเห็นเดียวกันถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่จะขึ้นเป็นระดับพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศในอนาคต โดยทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะทำการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการแก้ไขและการบริหารจัดการน้ำเพื่อหลีกเลี่ยงภัยภิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งมากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก และจะให้ความร่วมมือสนับสนุนการสร้างระบบการจัดการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศไทยต่อไป รวมทั้งจะร่วมลงนามเกี่ยวกับ ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการจัดการบริหารทรัพยากรน้ำ โดยองค์กรที่เกี่ยวข้องจากทั้งสองประเทศ

ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะลงนามเกี่ยวกับข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาและขยายความร่วมมือทางทหารระหว่างรัฐบาล และจะตกลงกันว่าจะสนับสนุนร่วมมือในด้านการแก้ไขและบูรณะฟื้นฟูเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการพัฒนาด้านทหารแก่ประเทศไทยอย่างใกล้ชิด

สำหรับความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน ไทยและสาธารณรัฐเกาหลีต่างยินดีที่การค้าระหว่าง 2 ประเทศ ขยายตัวถึง 13,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2011 และร่วมตั้งเป้าขยายปริมาณการค้าให้เพิ่มขึ้นถึง 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 5 ปี (2012-12016 ) โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้รื้อฟื้นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-เกาหลีใต้ เพื่อช่วยผลักดันการค้าให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้เกาหลีพิจารณาสนับสนุนการนำเข้าสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ไก่สดแช่แข็ง ผลไม้ นอกเหนือจากข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆ ทั้งนี้ ในด้านการลงทุน นายกรัฐมนตรีแสดงความประสงค์เชิญให้เกาหลีลงทุนในไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะด้าน อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมเรื่องจักรและผลิตภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรมต่อเรือและการขนส่งทางเรือ และด้าน Digital Contents และอุตสาหกรรมภาพยนต์ รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านบริหารจัดการน้ำ และการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของไทย เช่น การพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงและเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงในภูมิภาคด้วย

ทั้ง สองฝ่ายต่างแสดงความยินดีต่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งมีผลดีต่อมิตรภาพ ระหว่างประเทศและสร้าง ความเข้าใจระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศมากขึ้น รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีขอความร่วมมือรัฐบาลไทย ในการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมและศูนย์การศึกษาเกาหลีในปีนี้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายยินดีที่จะพัฒนาการแลกเปลี่ยน ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา การแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว มีจำนวนเกิน 1,200,000 คน รวมทั้งการจัดให้มีการฝึกอบรมภาษาเกาหลีให้กับมัคคุเทศน์ไทยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ นักท่องเที่ยวอีกด้วย

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมแสดงความยินดีต่อประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ซึ่งประสบความสำเร็จในการ ริเริ่มโครงการ “Low Carbon, Green Growth” ในปี 2010 และทั้ง 2 ประเทศได้ให้ความสำคัญต่อการ ดำเนินโครงการนี้ โดยไทยจะร่วมมือและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเทคโนโลยี เกี่ยว กับนโยบาย Green Growth และทั้ง 2 ฝ่าย ได้ตกลงในการพัฒนาความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา เกี่ยวกับการใช้พลังงานปรมาณูเพื่อสันติภาพ และประเทศไทยได้แสดงถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการสร้าง โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานปรมาณูและการใช้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังงานปรมาณูด้วย รวมทั้งได้แสดงความ ขอบคุณต่อสาธารณรัฐเกาหลี เรื่องการร่วมมือระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้ง 2 ประเทศในการจัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมาในประเทศไทย และหวังว่าจะได้ขยายถึงด้านการแพทย์ระหว่างกันต่อไป

สำหรับความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่าด้วยเรื่องของความสำคัญของความร่วมมือเสริม สร้างความเข้มแข็งในระดับภูมิภาค เช่น การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน+3 (ASEAN +3), การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) และ การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก (ARF) และทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือในเวทีนานาชาติ เช่น สหประชาชาติ (UN) อย่างใกล้ชิดในโอกาสการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีใต้อย่างเป็นทางการครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญประธานาธิบดีฯ เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on East Asia ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 30 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2555 ที่กรุงเทพฯ ด้วย

ภายหลังการหารือทวิภาคึ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายอี มยอง-บัก ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี ได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวง กลาโหมไทย กระทรวงกลาโหม ว่าด้วยความร่วมมือทางทหาร ก่อนจะร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน และเลี้ยงอาหารค่ำแบบรัฐพิธี (State Dinner) ที่ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลีใต้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี
กำลังโหลดความคิดเห็น