xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” ชี้ “เรืองไกร” ได้ข้อมูลผิด ยัน “มนตรี” มีคุณสมบัติสรรหา ส.ว.ได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชัย จึงประเสริฐ (แฟ้มภาพ)
“สมชัย” ยัน “มนตรี” มีคุณสมบัติเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ได้ ขอบคุณ “เรืองไกร” ทำตัวเป็นพลเมืองดี สละเวลาตรวจสอบ แต่ได้ข้อมูลมาผิด

นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อขอให้กกต. ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว.และมีผลทำให้การสรรหา ส.ว. เมื่อปี 54 เป็นโมฆะทั้งหมดว่า เท่าที่ได้รับรายงานด้วยวาจาจากคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงทราบว่านายเรืองไกรได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต.ว่านายมนตรีไม่ใช่ผู้พิพากษาในศาลฎีกาจึงไม่มีอำนาจเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว. ทำให้การสรรหา ส.ว.ทั้งหมดไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ระบุว่าให้มีคณะกรรมการสรรหา ส.ว.คณะหนึ่งที่ประกอบด้วยผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามอบหมายจำนวนหนึ่งคน

ทั้งนี้ ในสมัยที่ตนเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกานั้น ตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาในขณะนั้นมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเฉพาะศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เท่านั้น แต่ต่อมาคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ได้มีมติแก้ไข พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส พ.ศ. 2550 มาตรา 4 วรรคสองที่ระบุว่าผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกามีอำนาจหน้าที่พิจารณาพิพากษา คดีในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาตามที่ได้รับแต่งตั้งและมีอำนาจหน้าที่เข้าร่วมประชุม ใหญ่ในศาลฎีกาได้ พร้อมทั้งมีมติให้ผู้พิพากษาอาวุโสเทียบเท่าตำแหน่งกับผู้พิพากษาในศาลฎีกา

นายสมชัยกล่าวว่า อีกทั้งตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่นายมนตรีจะเป็นผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาก็คือ ตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 113 ที่ระบุว่าผู้พิพากษาในศาลฎีกาดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ด้วยเหตุนี้นายมนตรีจึงอยู่ในความหมายของคำว่าเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา ทำหน้าที่พิจารณาคดีในศาลฎีกาตามที่ประธานศาลฎีกามอบหมายได้

“ทุกตำแหน่งในศาลฎีกาจะเรียกว่า ผู้พิพากษาในศาลฎีกาทั้งหมด แต่จะแบ่งออกเป็นตำแหน่งที่ไม่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา ประกอบด้วยประธานศาลฎีกา รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาศาลฎีกาประจำแผนกคดี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ส่วนตำแหน่งที่ต่ำกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา คือ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์หรือผู้พิพากษาศาลชั้นต้นที่ทำหน้าที่ช่วยงานอยู่ในศาลฎีกา เลขานุการในศาลฎีกา ซึ่งมีตำแหน่งที่เล็กกว่าผู้พิพากษาศาลฎีกา จึงไม่มีอำนาจในการตัดสินคดี แต่มีอำนาจในการตรวจคำพิพากษาหรือช่วยงานต่างๆ ได้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกาเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา

เข้าใจว่าคนที่ให้ข้อมูลกับนายเรืองไกรคือผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกาที่ออกไปก่อนที่ ก.ต.จะมีมติการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ให้ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา สามารถทำงานในศาลฎีกาได้ เพราะตอนหลังเขายอมให้ลงข้างล่างหรืออยู่ข้างบนก็ได้ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่านายมนตรีจะขาดคุณสมบัติเป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว. อย่างไรก็ตาม กกต.ต้องขอขอบคุณนายเรืองไกรที่เป็นพลเมืองดีโดยแท้ที่ได้เสียสละเวลาค้นคว้าปัญหานี้ขึ้นให้ กกต.ได้มีโอกาสได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวนี้ให้สังคมได้เกิดความกระจ่างขึ้น” นายสมชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น