“เรืองไกร” ยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ค้านสรรหา ส.ว.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยันมีชื่อผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 2 ราย เผย อนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงเตรียมสอบ ส.ว.สรรหา 73 คน ว่าใช้สิทธิเลือกตั้งครบถ้วนหรือไม่ คาดทราบผลภายใน 7 วัน
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เดินทางมายื่นหลักฐานเพิ่มเติม กรณีการร้องคัดค้านองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญใน 3 กรณี ประกอบด้วย องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ชอบหรือไม่ องค์กรที่เสนอรายชื่อของ ส.ว.สรรหา ชอบหรือไม่ และตัว ส.ว.เองมีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ โดยในวันนี้ได้นำหลักฐานมายื่นเพิ่มเติม คือ หนังสือของศาลฎีกาที่แต่งตั้ง นายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ให้เป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว.เมื่อเดือน พ.ย.2550 ในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา แต่การเสนอรายชื่อของ นายมนตรี ในปี 2554 ถูกเสนอชื่อในตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219(4) และมาตรา 113 มีการแยกผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกากับผู้พิพากษาไว้อย่างชัดเจน จึงมองว่า นายมนตรี มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน และการที่ นายมนตรี เป็น 1 ในคณะกรรมการสรรหา ส.ว.น่าจะทำให้คณะกรรมการดังกล่าวไม่ชอบ เพราะคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ต้องเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา ซึ่งเรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ ส.ว.สรรหาทั้ง 73 คน ไม่ชอบตามไปด้วย
ทั้งนี้ มองว่า หาก กกต.พิจารณาแล้วว่าการที่นายมนตรี มีคุณสมบัติไม่ครบ และทำให้การทำงานของคณะกรรมการสรรหาไม่ชอบ แต่ก็ไม่น่าจะกระทบกับการทำงานของ ส.ว.ทั้งหมด เพราะ ส.ว.สรรหามีเพียงครึ่งเดียว ทั้งนี้ การร้องให้ตรวจสอบยังอยู่ในกรอบระยะเวลา 1 ปี และถึงว่าว่าจะเลย 1 ปีไปแล้ว เมื่อมีการร้อง กกต.ก็ต้องหยิบมาพิจารณาและส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย
ส่วนกรณีที่ยืนคัดค้าน ส.ว.บางคนที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และจะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ว.นั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ล่าสุด กกต.มีหนังสือด่วนให้ตนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ส.ว.ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งตนเองมีข้อมูลเพียงบางส่วนที่พบว่ามี ส.ว.ที่ไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 10 คน แต่เท่าที่ตนเองสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้พบว่า มี ส.ว.ที่ไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งมีเพียง 2 คน ที่เหลือยังไม่สามารถยืนยันได้ ที่เหลือทางคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงจึงมีความเห็นควรให้ตรวจสอบ ส.ว.ทั้ง 73 คน ว่า ใช้สิทธิเลือกตั้งครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งคณะอนุกรรมการได้แจ้งว่าน่าจะทราบผลการตรวจสอบภายใน 7 วัน
