กู้ไม่หยุดฉุดไม่อยู่ “กิตติรัตน์” นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานชาติ เห็นชอบกู้เงินเพิ่ม 2 หมื่นล้านเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน รวมวงเงินกู้เดิมเป็น 3 หมื่นล้าน พร้อมขยายเวลาชำระหนี้ออกไปอีก 3 ปี หลังแบกภาระชดเชยก๊าซแอลพีจี พร้อมเห็นชอบดำเนินโครงการอาคารควบคุมภาครัฐ นำร่องศูนย์ราชการ กทม.-ม.ธรรมศาสตร์รังสิต-ม.เชียงใหม่, ร่างกฎกระทรวง 3 ฉบับ กำหนดอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน และเลื่อนจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการน้ำงึม 3 เป็นปี 2561
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2555 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการประชุมโดยสรุป ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงพลังงานดำเนินโครงการบริหารจัดการเพื่อการประหยัดพลังงานในอาคารควบคุมภาครัฐ มีรูปแบบดำเนินการในลักษณะธุรกิจจัดการพลังงาน (Energy Service Company : ESCO) โดยจะให้บริการครบวงจร ตั้งแต่การตรวจสอบการใช้พลังงาน การกำหนดมาตรการอนุรักษ์พลังงาน การออกแบบรายละเอียด การช่วยจัดหาแหล่งเงินทุน การจัดซื้ออุปกรณ์ การควบคุมการติดตั้ง การดูแลบำรุงอุปกรณ์ และเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน รวมถึงการติดตามประเมินผล
โดยจะได้จัดทำโครงการนำร่องการบริหารจัดการเพื่อการประหยัดพลังงานใน 3 แห่งก่อน ได้แก่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ก่อนขยายผลไปสู่อาคารหรือสำนักงานอื่นๆ ต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวนอกจากจะช่วยประหยัดและอนุรักษ์พลังงานแล้ว ยังจะเป็นแรงจูงใจและตัวอย่างให้แก่อาคารภาคเอกชน และประชาชนในด้านอนุรักษ์พลังงานได้ด้วย โดยคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการประหยัดพลังงานได้ไม่น้อยกว่า 75 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ/ปี คิดเป็นมูลค่า 1,800 ล้านบาท/ปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 442,000 ตัน/ปี โดยในปี 2555 มีอาคารควบคุมภาครัฐรวม 823 แห่ง ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน 485 แห่ง อาคารโรงพยาบาล 139 แห่ง อาคารสถานศึกษา 180 แห่ง และประเภทอื่นๆ 19 แห่ง เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน จำนวน 3 ฉบับ สำหรับ 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.บัลลาสต์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ 2.หลอดฟลูออเรสเซนต์ขั้วคู่ที่มีประสิทธิภาพสูง และ 3.โคมไฟฟ้าอนุรักษ์พลังงาน สำหรับหลอดฟลูออเรสเซนต์ขั้วคู่ โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานนำร่างกฎกระทรวงฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างต่อไป
อีกด้านหนึ่ง ที่ประชุม กพช.ยังเห็นชอบให้คณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจัดสรรเงินกองทุนฯ สำหรับใช้จ่ายตามแนวทางหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และลำดับความสำคัญของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ในช่วงปี พ.ศ.2555-2559 ในวงเงินปีละ 7,000 ล้านบาท ภายในวงเงินรวม 35,000 ล้านบาท โดยกำหนดสัดส่วนจัดสรรเงินกองทุนฯ ให้กับแผนเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 50% รองลงมาคือ แผนพลังงานทดแทน 45% และแผนบริหารทางกลยุทธ์ 5% อย่างไรก็ดี ที่ประชุม กพช. เห็นชอบให้คณะกรรมการกองทุนฯ มีอำนาจปรับปรุงแนวทาง หลักเกณฑ์ การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการจัดหาเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเสริมสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ที่ต้องมีภาระในการชดเชยราคาก๊าซ LPG โดยเห็นชอบให้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน และ/หรือออกตราสารหนี้ วงเงินเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท ระยะเวลาชำระหนี้ภายใน 3 ปี ซึ่งเมื่อรวมกับวงเงินกู้เดิม 10,000 ล้านบาทแล้ว คิดเป็นวงเงินกู้ทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้วงเงินกู้ยืมเดิม 10,000 ล้านบาทจาก 1 ปี เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (สบพน.) ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำเป็น และเหมาะสม หากกองทุนน้ำมันฯ มีสภาพคล่องเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมเห็นชอบให้ ขยายเวลาการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Scheduled Commercial Operation Date : SCOD) ของโครงการน้ำงึม 3 ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้ง 440 เมกกะวัตต์ ออกไปจากเดิมเดือนมกราคม 2560 เป็นหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2561 เนื่องจากพื้นที่โครงการได้รับความเสียหายจากพายุไหหม่า จำเป็นต้องใช้เวลาปรับปรุงและก่อสร้างใหม่ รวมทั้งยังเห็นชอบอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าเขื่อนน้ำงึม 1 และโครงการเขื่อนเซเสด โดยลดอัตราค่าไฟที่รัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาวซื้อจากไทยลง 5 สตางค์/หน่วย