ครม.ไฟเขียว ร.ฟ.ท.กู้เงินเพิ่ม 4.7 หมื่นล้านสานต่อโครงการ-ปรับโครงสร้างหนี้ ปล่อยลอตแรก 1 พันล้านทำรั้วกั้นรางรถไฟลดอุบัติเหตุ รับทราบมติ กพช.กู้เพิ่ม 2 หมื่นล้านอุดหนุนกองทุนน้ำมัน มีระยะเวลาการชำระหนี้ 3 ปี พร้อมปล่อยกู้ 190 ล้านให้ สปป.ลาว ปรับถนน “เวียงจันทน์” รับเป็นเจ้าภาพอาเซม ครั้งที่ 9
วันนี้ (2 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับมติอนุมติให้ดำเนินโครงการและจัดสรรเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (ดีพีแอล) ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินโครงการและจัดสรรเงินกู้วงเงิน 1,107 ล้านบาท สำหรับงานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ 15 รายการ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริหารขนส่งผู้โดยสาร ขนส่งสินค้าด้วย รวมทั้งยังมีการอนุมัติให้กู้เงินดีพีแอลเพิ่มเติม 714 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการระบบตั๋วร่วม 305 ล้านบาท และโครงการจัดทำศูนย์บริหารจัดการตารางอีก 409 ล้านบาทของสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและการจราจร (กบข.) ภายใต้กระทรวงคมนาคม รวมไปถึงอนุมัติให้ ร.ฟ.ท.กู้เงินเพิ่มเติม 47,679 ล้านบาท สำหรับโครงการแผนงานต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างหนี้ต่างๆ
นายภักดีหาญส์ยังเปิดเผยด้วยว่า คณะรัฐมนตรียังได้มีมติในเรื่องของการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและลูกจ้าง ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เป็นวาระที่เสนอเข้ามาเป็นประจำทุกปี โดยมีรายละเอียดอาทิ การประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือน 1 ขั้น และให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในอัตรา 2 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ส่วนกรณีผู้ที่ได้เลื่อน 1 ขั้นครึ่งให้ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในอัตรา 4 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน และกรณีผู้ที่ได้เลื่อน 2 ขั้นให้ให้เบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในอัตรา 6 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน โดยใช้วงเงินทั้งสิ้น 1.3 ล้านบาทเศษต่อปี
ที่ทประชุมคณะรัฐมนตรี รับทราบมติของคณะกรรมนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2555 ที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มติของ กพช.มีแนวทางในการจัดหาเงินให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการขยายระยะเวลาการชำระคืนหนี้วงเงินกู้ยืมเดิม 1 หมื่นล้านบาท จาก 1 ปีเป็น 3 ปี และกู้ยืมเงินจากสถาบันหารเงินหรือออกตราสารหนี้เพิ่มอีกในวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท มีระยะเวลาในการชำระหนี้ภายใน 3 ปี ซึ่งจะส่งผลให้สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) มีวงเงินกู้ยืมไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท โดยให้ขอขยายเวลาการชำระหนี้คืนได้ตามความจำเป็นและความเหมาะสม หากกรณีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง มีสภาพคล่องคงเหลือไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้
สำหรับมติ กพช.เกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าเขื่อนน้ำงึม 1 และโครงการโรงไฟฟ้าเขื่อนเซเสด สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) นายภักดีหาญส์กล่าวว่า จะทำให้มีผลบังคับใช้ตามเงื่อนไขในสัญญาช่อวง 4 ปีหลัง หรือระหว่างวันที่ 26 ก.พ.53 - 25 ก.พ.57 จากเดิมที่คิดในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้ามาก (พีก) อยู่ที่ 1.60 บาทต่อหน่วย เป็น 1.74 บาทต่อหน่วย และช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าไม่มาก (ออฟพีก) จากเดิมอยู่ที่ 1.20 บาทต่อหน่วย เป็น 1.34 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้มีมติในการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ สปป.ลาวเพื่อดำเนินโครงการปรับปรุงถนนในนครหลวงเวียงจันทน์ ในการรองรับการเป็นเจ้าภาพการประชุมสุยอดผู้นำอาเซียน-ยุโรป ครั้งที่ 9 ช่วงปลายปี 2555 โดยคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ.เป็นผู้กู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารเฉพาะกิจ ในวงเงิน 190.7 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการนี้ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี มีอายุสัญญา 20 ปี รวมระยะปลอดหนี้ 5 ปีด้วย
