xs
xsm
sm
md
lg

แผนล้มกระดานคดี คตส. “ทักษิณ-ลิ่วล้อ” ได้เต็มๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โภคิน พลกุล
รายงานการเมือง

ดุเด็ดเผ็ดมันอย่างยิ่งกับการเปิดเวทีเสวนารับฟังความคิดเห็น “รายงานการวิจัย การสร้างความปรองดองแห่งชาติ” ของสถาบันพระปกเกล้า ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ เมื่อ 21 มีนาคมที่ผ่านมา

โดยเฉพาะการอภิปรายชำแหละรายงานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ที่ไล่เรียงจุดอ่อนและความผิดปกติของรายงานดังกล่าวโดยเฉพาะเรื่องการให้ล้มคดีความของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)

วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่รับงานวิจัยดังกล่าวให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการสร้างแนวทางการปรองดองแห่งชาติ หรือ กมธ.ปรองดอง สภาผู้แทนราษฎร ชุด พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถึงหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดระหว่างการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์

บทสรุปรายงานดังกล่าวจะออกมาอย่างไร จะส่งไปถึงสภาผู้แทนราษฎร โดยมีการปรับเปลี่ยนแก้ไข รายงานดังกล่าวก่อนส่งไปถึงสภาฯ หรือไม่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป

กระนั้นพบว่า กมธ.ปรองดองได้มีการประชุมกันไปเมื่อ 20 มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ตามที่สถาบันพระปกเกล้าชงเข้ามาให้ กมธ.ปรองดองรับลูก เสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎร

ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎหมายนิรโทษกรรมในคดีการชุมนุมทางการเมืองหรือการทบทวนการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรมในคดีที่เกิดจากการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)

ในส่วนของแนวทางเรื่องคดีความ ที่พระปกเกล้าชงไปให้ 3 แนวทาง คือ

· ทางเลือกที่ 1 ดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหาด้วยกระบวนการยุติธรรมตามปกติโดยให้พิจารณา เฉพาะผลการพิจารณาของคตส.สิ้นผลลงและโอนคดีทั้งหมดให้ ป.ป.ช.ดำเนินการใหม่ แต่ไม่กระทบถึงคดีที่ถึงที่สุดแล้ว

· ทางเลือกที่ 2 ให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมปกติ โดยให้ถือว่าคดีดังกล่าวไม่ขาดอายุความ

· ทางเลือกที่ 3 ให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการและการตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ไม่ว่าทางเลือกใดจะต้องไม่มีการฟ้องร้อง คตส.ในเวลาต่อมา เพราะให้ถือว่าการกระทำของ คตส.เป็นไปตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ขณะนั้น

ผลประชุมออกมาคือ มติเสียงส่วนใหญ่ของ กมธ.ปรองดอง คือ เห็นด้วยกับทางเลือกที่ 3 ให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดย คตส.ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการและการตัดสินไปแล้วมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ ไม่ว่าทางเลือกใดจะต้องไม่มีการฟ้องร้อง คตส.ในเวลาต่อมา เพราะให้ถือว่าการกระทำของ คตส.เป็นไปตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ขณะนั้น

ซึ่ง กมธ.ทั้งฝ่ายเพื่อไทย และประชาธิปัตย์ ต่างบอกว่านัยตามแนวทางนี้ก็คือ การให้ยกลิกคดีที่เป็นผลมาจากการสอบสวนดำเนินการของ คตส.ทั้งหมด ทั้งคดีที่ศาลได้มีการตัดสินมีคำพิพากษาแล้ว อย่างคดียึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท-คดีที่ดินรัชดาฯ และคดีที่ยังอยู่ในการพิจารณาของศาลและ ป.ป.ช.ที่รับไม้มาจากคตส.ทั้งหมด

ดูแล้วเรื่องนี้ฝ่ายเพื่อไทยต้องการเร่งรัดผลักดันอย่างมากเพื่อให้สภาฯเอาด้วยกับแนวทางที่ล็อกไว้ดังกล่าว เพื่อจะได้นำไปเป็นเหตุผลในการออกกฎหมายปรองดอง หรือกฎหมายนิรโทษกรรมต่อไปในอนาคต หรืออาจะเป็นการประชุมสภาฯ สมัยหน้านี้เลยก็ได้

แม้ยังอีกยาวไกลกว่าจะไปถึงขั้นนั้น แต่ก็มองเห็นเจตนาหลายอย่างที่เพื่อไทยและเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเกี่ยวข้องด้วย ว่าต้องการทำเพื่อผลประโยชน์ในการล้มล้างคดีความทั้งหมดให้หมดไปจากหน้ากระดาน

ตัวทักษิณ จะได้ประโยชน์เต็มๆ ทั้งการไม่ต้องติดคุกสองปีในคดีที่ดินรัชดาฯ-ได้เงินที่ถูกยึดทรัพย์คืน 4.6 หมื่นล้านบาทจากคดียึดทรัพย์ฯ แล้วยังอีกหลายคดีความที่ค้างในชั้นศาลที่ศาลได้จำหน่ายคดีออกจากสารบบชั่วคราว และในชั้น ป.ป.ช.

เช่น คดีอัยการสูงสุดยื่นฟ้องทักษิณต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ในความผิดฐานใช้อำนาจหน้าที่ทางการเมืองขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทชินคอร์ป ผู้ประกอบการธุรกิจโทรคมนาคม ผ่านการแปลงสัญญาสัมปทานธุรกิจโทรคมนาคม, คดีปล่อยเงินกู้ของเอ็กซิมแบงก์ หรือธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

คดีปกปิดบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือคดีซุกหุ้นชินคอร์ป ที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ หลังศาลฏีกาตัดสินยึดทรัพย์ทักษิณ ที่มีคำตัดสินว่าทักษิณปกปิดบัญชีทรัพย์สินคือหุ้นชินคอร์ป, คดีทุจริตการออกหวยบนดิน 2 ตัวและ 3 ตัว ซึ่งทักษิณไม่ได้มาฟังคำตัดสินคดีแม้ศาลจะยกฟ้องจำเลยส่วนใหญ่

รวมถึงอีกหลายคดีของทักษิณซึ่งอยู่ในชั้น ป.ป.ช.ที่เตรียมฟ้องและอยู่ระหว่างการสอบสวนเช่นคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์-คดีปล่อยเงินกู้ธนาคารกรุงไทย

รวมถึง “พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายทักษิณที่ถูก ป.ป.ช.สอบสวนเอาผิดในคดีปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย
 

นอกจากนี้ ฝ่ายเพื่อไทยที่จะได้ประโยชน์อีกก็มีหลายคน เช่น นายวัฒนา เมืองสุข รองประธาน กมธ.ปรองดอง และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทย ที่อยู่ระหว่างการเป็นจำเลยในคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงฯ ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ที่ก็มีคนของเครือข่ายเพื่อไทยที่เป็นจำเลยคดีรถดับเพลิงอีกหลายคนก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย เช่น นาย ประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย-นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย ซึ่งทั้งสองคนกำลังจะกลับมาเล่นการเมืองอีกครั้งในเดือนมิถุนายน หลังพ้นโทษแบนคดีการเมือง

ตัว วัฒนา เมืองสุข ก็พบว่ายังโดนสอบสวนคดีโครงการบ้านเอื้ออาทรอีกด้วย ในฐานะอดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ ซึ่งคดีนี้ก็ยังมีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำนปช.ก็โดนคตส.ชี้มูลความผิดด้วย ในฐานะอดีตหน้าห้องรมว.พัฒนาสังคมฯ ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

ขณะที่ซีกฝ่ายค้าน ที่จะได้ประโยชน์ไปเต็มๆ หากล้มคดี คตส.ทั้งหมด พบว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น คือ อภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ประชาธิปัตย์ หนึ่งในจำเลยคดีจัดซื้อรถดับเพลิงฯ

นอกจากนี้ก็มี เนวิน ชิดชอบ แกนนำภูมิใจไทยที่รอดตัวไปจากคดีทุจริตจัดซื้อกล้ายางพารา หลังศาลฎีกายกฟ้อง แต่เนวินก็ยังมีคดีค้างอีกหนึ่งคดีคือ คดีเซ็นทรัลแล็บ ที่ค้างอยู่ในชั้น ป.ป.ช.มาหลายปีแล้ว
 

นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งอดีตเจ้าหน้าที่รัฐและผู้บริหารเอกชนอีกหลายคนที่จะได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย อาทิ ศรีสุข จันทรางศุ อดีตปลัดคมนาคม ที่โดนดำเนินคดีซีทีเอ็กซ์ เป็นต้น ที่ต้องคดีร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.คมนาคม

เห็นหรือยังว่าได้ประโยชน์จากการนี้กันเป็นขบวน แล้วทักษิณ-เพื่อไทยจะไม่เร่งสรุปผลได้อย่างไร
ประชา มาลีนนท์
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
วัฒนา เมืองสุข
กำลังโหลดความคิดเห็น