รายงานการเมือง
เนื้อหาในผลการศึกษา “ฉบับนิติราษฎร์แปลงกาย” สวมรอยโดย “สถาบันพระปกเกล้า” เป็นเรื่องที่ต้องชำแหละให้สังคมเห็น เพื่อกระชากหน้ากากนักวิชาการ ที่มีเจตนาคลุมเครือน่าสงสัยว่า ทำงานรับใช้นักโทษทำลายบ้านเมืองหรือเพื่อประเทศชาติ ให้สังคมได้รู้เช่นเห็นชาติ
20 นักวิจัยที่มี วุฒิสาร ตันไชย เป็นหัวหอก คือ กลุ่มตั้งต้นสมรู้ร่วมคิดวางแผนฆาตกรรมประเทศไทย!
หากผลผลิตแห่งการปรองดองต้องทาบทาด้วยเลือดของพี่น้องประชาชนให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เหยียบย่ำกลับประเทศโดยไร้มลทินแล้วไซร้ วุฒิสาร ตันไชย, ถวิลวดื บุรีกุล, นิยม รัฐอมฤต, ธรรมนิตย์ สุมันตกุล, สติธร ธนานิธิโชติ, ปัทมา สูบกำปัง, ณัชชาภัทร อุ่นตรงจิตร, เมธัส อนุวัตรอุดม, ณวัฒน์ ศรีปัดถา, ชลัท.ประเทืองรัตนา, พนมพัทธ์ สมิตานนท์, อภิญญา ดิสสะมาน, กนิษฐ์ ศรีสุวรรณ ,โพธิพันธ์ มุขสมบัติ, เออเชนี มาริโอ, ฉัตรบงกช ศรีวัฒนสาร, ชมพูนุท ตั้งถาวร, ดวงจันทร์ ศิริรักษืโสภณ, ประภาพร วัฒนพงศ์, พัชรา เสริมตระกูล
ก็คือ กลุ่มคนที่ร่วมกระทำการฆาตกรรมประเทศไทย!
ในคำนำของงานวิจัยนี้เขียนชัดเจนว่า ต้องพิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งและทางออกสู่ความปรองดองในสังคมไทย
แต่น่าประหลาดใจที่คณะผู้วิจัยสู้อุตส่าห์คัดลอกตัดแปะคำพูดของนักวิชาการชื่อดังจำนวนมากมาอธิบายถึงอันตรายในยุคเผด็จการทุนประชาธิปไตยภายใต้การครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับฉาบฉวย ตื้นเขิน เทียบไม่ได้เท่าขี้เล็บของงานวิทยานิพนธ์ เสมือนมีเจตนาที่จะพูดถึงความเลวทรามในยุคทักษิณให้น้อยที่สุด
ไม่มีการพูดถึง 4 เงื่อนไขที่ คมช.ใช้เป็นเหตุผลในการทำรัฐประหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่วงละเมิดจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ทั้งที่เป็นประเด็นสำคัญแต่ในงานวิจัยนี้กลับไม่เอ่ยถึงแม้แต่ประโยคเดียว แต่กล้บอ้างว่าการทำรัฐประหารสร้างเงื่อนไขใหม่ที่กระทบต่อ ทหาร รัฐธรรมนูญ ตุลาการ และองคมนตรี แถมสรุปเสร็จสรรพว่า
เป็นที่มาของความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงตามมา เท่ากับโยนขี้ให้รัฐประหารเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
มีการกล่าวถึงการยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธินักการเมืองบ้านเลขที่ 111 การพ้นตำแหน่งนายกของสมัคร สุนทรเวช แต่ไม่พูดสักคำว่า “ทักษิณ” เดินทางกลับเข้าประเทศประกาศว่าประเทศไทยมีความเป็นประชาธิปไตยและเขามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมแล้ว จึงเดินขึ้นศาลสู้คดีที่ดินรัชดาซึ่งเป็นผลผลิตจากการทำงานของ คตส.!
ทำไมนักวิจัยเหล่านี้จึงเลือกที่จะไม่เสนอข้อเท็จจริงส่วนนี้ ก้าวกระโดดไปให้รายละเอียดถึงผลการตัดสินคดีแทน ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงช่วงนี้มีความสำคัญยิ่งต่อการตอบคำถามว่า “คตส.ทำให้เกิดความไม่มั่นใจต่อกระบวนการยุติธรรมจริงตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่”
เพราะหากพิจารณาจากคำพูดของ “ทักษิณ” เอง ก็จะเห็นชัดว่าไม่ได้ติดใจว่า คตส.เป็นคนทำคดี ในวันที่เขากลับประเทศ เขาไม่เรียกร้องให้ คตส.ยุติบทบาทหน้าที่ด้วยซ้ำ แต่ยืนยันว่าพร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แถมยังมีเรื่องฉาวโฉ่ที่หมิ่นเหม่ต่อการติดสินบนตุลาการจากการทำถุงขนมสองล้านหล่นที่ศาลฎีกาจนทนายคนหนึ่งต้องติดคุกเป็นเวลา 6 เดือน
การกล่าวโทษ คตส.คงจะไม่เกิดขึ้นเลย หาก “ทักษิณ” ชนะคดีที่ดินรัชดาฯ แต่เป็นเพราะ “ทักษิณ” แพ้ในคดีนี้และหลบหนีไปก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา จึงเป็นที่มาของการทำลายล้าง คตส. ตุลาการ องคมนตรีเลยไปถึงการสั่นคลอนสถาบันเบื้องสูง
นี่คือความจริงที่ 20 นักวิจัยไม่พูดถึงเลย รายงานอย่างนี้เข้าทางใครคงไม่ต้องบอก
เลวร้ายกว่านั้นคือ การอธิบายถึงการชุมนุมของคนเสื้อแดงปี 52-53 ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงการปลุกระดมอย่างเป็นระบบผ่านแกนนำเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิดีโอลิงก์ของทักษิณ ราวกับคนเหล่านี้ไม่มีตัวตนในเหตุการณ์ โยนความขัดแย้งทั้งหมดเป็นเรื่องของคนเสื้อแดง รัฐบาลอภิสิทธิ์ และทหาร
ไม่มีการพูดถึงพฤติกรรม ดิบ ถ่อย เถื่อน ละเมิดสิทธิประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งการบุกโรงพยาบาลจุฬา แต่กลับกล่าวถึงการเทเลือดตามสถานที่ต่างๆ ในเชิงยกย่องโดยอ้างคำพูด เหวง โตจิราการ ว่า “เลือดเป็นสัญลักษณ์ของความยินยอมพร้อมใจของประชาชนที่จะหลั่งเลือดเพื่อประชาธิปไตย”
ยังไม่หมด แม้กระทั่งการหยิบยกคำสัมภาษณ์เชิงลึกบุคคล 47 คน รวม “ทักษิณ” ก็ยังแสดงความเอียงกะเท่เร่อย่างชัดเจนจากการอ้างถึงคำสัมภาษณ์ที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ โดยใช้คำว่า “บางท่านได้ให้ตัวชี้วัดของความปรองดองไว้อย่างน่าสนใจว่า ผมเชื่อว่าการกลับมาของนายกฯทักษิณ จะเป็นผลผลิตของกระบวนการปรองดอง”
และผลผลิตนั้นก็นำมาสู่ข้อเสนอนิรโทษกรรม ล้มล้างคำพิพากษา ด้วยการยกเลิกผลตามกฎหมายของ คตส.ทุกคดี อย่ามาเถียงว่าเสนอให้หลายทางเลือก ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่านักโทษที่มีอำนาจย่อมเลือกข้อเสนอที่ดีที่สุดให้ตัวเองพ้นคุกในทุกคดี
เป็นไงบ้างกับผลงานของ 20 นักวิจัยจากสถาบันพระปกเกล้า “กลางใจทักษิณของแท้” หรือใครจะกล้าเถียง!
คนอ้างว่าเป็นคนดีแอบอิงงานวิชาการเป็นนั่งร้าน สร้างความชอบธรรมให้คนหนีคุกกลับมาครองเมือง ก็แย่ไม่แพ้กัน
ถ้าผลผลิตของความปรองดองคือให้ ล้มล้างคำพิพากษา ให้ “ทักษิณ” กลับประเทศโดยไม่มีความผิดนำไปสู่ความสูญเสียของประชาชน 20 นักวิจัยตามรายชื่อข้างต้นคือ คนที่ร่วมวางแผนฆาตกรรมประเทศไทย!
