“คำผกา” คึกจัด! วิพากษ์พุทธ ฉะรัฐผลาญงบสวดมนต์ข้ามปี แนะเอาเงินไปบำรุงสาธารณประโยชน์ จวกยกเหนือศาสนาอื่น ใช้ในรัฐพิธี, วันหยุดนักขัตฤกษ์ ด้านศูนย์พิทักษ์พุทธฯ โผล่ร้อง กมธ.ศาสนา สภาฯ ฟัน ขณะ “มหาโชว์” ปรี๊ดแตก! สับโหนกระแส ทำลายหลักธรรม หยันแก้ผ้าโชว์นมทั้งเหี่ยวทั้งดำ จี้ “โอ๊ค” ปลดรายการ ขู่อย่าให้ต้องบุกถึงสถานี
วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10-11 มี.ค.ที่ผ่านมา รายการคิดเล่นเห็นต่างกับคำผกา http://shows.voicetv.co.th/kid-len-hen-tang/33237.html ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี โดย น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำผกา ผู้ดำเนินรายการ ได้เปิดหัวข้อสนทนาถึงกรณีข่าวสำนักงานพระพุทธศาสนา ชักชวนวัยรุ่นโหลดแอปพลิเคชันสวดมนต์ข้ามปี แทนดื่มเหล้าเพื่อการสังสรรค์ เป็นความสุขที่ไม่ต้องซื้อหาด้วยเงินทอง โดยตั้งข้อสังเกตว่า เอาเข้าจริงๆ แล้วพุทธเถรวาทในประเทศไทยเป็นพุทธที่อยู่กับวัตถุมหาศาล อาทิ วัตถุมงคลที่มีการซื้อขายกันมูลค่านับพันล้าน ทำให้เงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจไทย ขณะที่การทำบุญก็อยู่ในส่วนของการทำธุรกิจ ทั้งร้านสังฆภัณฑ์ การปล่อยนก ปล่อยปลา ตามวัด ทั้งหมดเป็นเรื่องวัตถุหมดเลย แล้วจะมาบอกว่า พุทธศาสนายิ่งอยู่ใกล้ยิ่งอยู่ห่างไกลวัตถุเป็นสิ่งที่คิดกันเอาเองหรือเปล่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า วัฒนธรรมไทยสมัยนิยมนี่มีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลจริงหรือเปล่า หรือเป็นเพียงแค่ความทรงจำในช่วง 50 ปีนี้ อย่างไหว้พระ 9 วัด ก็เป็นโปรแกรมทัวร์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ แล้วการสวดมนต์ข้ามปีนี่ก็พึ่งมีมาเป็นปีที่ 2
น.ส.ลักขณา กล่าวว่า การสวดมนต์ข้ามปีจะเป็นความสุขที่แท้จริง หรือเพียงแค่นำความสุขภายใต้คำนิยามของคนบางกลุ่มไปมอบให้กับคนอื่น โดยใช้งบประมาณรัฐบาลเข้าไปทำ มันง่ายไปหรือไม่ที่จะบอกว่าความสุขที่แท้จริงไม่สามารถหาได้ด้วยเงิน เสมือนเป็นการลดทอนปัญหาลง แทนที่จะรวบรวมเงินในการจัดกิจกรรมไร้สาระพวกนี้ มารณรงค์นโยบายที่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน เช่น ปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้คนไทยมีความสุขมากกว่าหรือเปล่า ทั้งนี้ ตนไม่ได้บอกว่า การสวดมนต์เป็นเรื่องไม่ดี ตนเองก็ชอบอ่านหนังสือสวดมนต์ แต่มันก็เป็นแค่ความสุขส่วนบุคคล ไม่ได้เกี่ยวว่าสวดมนต์แล้วสังคมจะดีขึ้น ถ้าทุกคนสวดมนต์ แต่รัฐบาลไร้ประสิทธิภาพ ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยังอยู่ ต่อให้สวดกันทั้งปีก็ไม่ได้ช่วยให้ลดลงได้
“รู้สึกว่า ไอ้นโยบายที่ให้คนมาสวดมนต์เนี่ย มันคือการวางยากล่อมประสาทให้กับสังคม ทำให้คนลืมนึกถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง แล้วก็ แทนที่จะมาช่วยกันตั้งคำถามว่า เอ๊ะที่แท้จริงแล้วปัญหามันอยู่ที่ไหน ก็ปล่อยให้หลับหูหลับตากันสวดมนต์ไป แล้วก็ปล่อยให้ประเทศชาติดำเนินแบบนี้” น.ส.ลักขณา กล่าว
น.ส.ลักขณา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้แล้ว ตนยังเห็นว่า คนไทยถูกปลูกฝังที่ว่าศาสนาทำให้คนเป็นคนดี และเวลาพูดถึงศาสนาก็ไม่สามารถนึกถึงศาสนาอื่นได้เลยนอกจากศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธอยู่มา 2,500 ปี แต่โลกนี้อยู่มาเป็นหมื่นปี โดยไม่มีศาสนาพุทธได้ ตนไม่ได้ดูถูกศาสนาพุทธ แต่กำลังจะชี้ให้เห็นว่า สังคมไทยถูกสั่งสอนกันมาโดยเชื่อว่าศาสนาพุทธคือคำตอบของทุกอย่างในจักรวาล ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ยกศาสนาพุทธให้มีความสำคัญเหนือศาสนาอื่น แต่อย่าลืมว่าเราต้องอยู่ร่วมกับคนอีกหลายร้อยหลายพันศาสนาและความเชื่อ ตนเห็นว่าเป็นการคิดเองเออเองว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสัจธรรม อย่างศีล 5 นี่มันเป็นคำตอบจากสรวงสวรรค์ที่เลอเลิศกว่าบัญญัติ 10 ประการของศาสนาคริสต์อย่างไร มันก็เป็นคำสอนพื้นๆ ที่มีอยู่ในทุกศาสนาไม่ใช่หรือ อย่างบางคนกินเจวันเกิด กินเจวันพระ แต่ไม่ข้ามถนนบนทางม้าลายหรือสะพานลอย ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นได้ชัดว่าคนไทยไม่สามารถเชื่อมโยงคำสอนกับกฎเกณฑ์ให้คนอยู่ร่วมกันในสังคมได้ แต่ในโลกสมัยใหม่สิ่งที่ทำให้คนอยู่ร่วมกันไม่ใช่ความดี หรือศีลธรรม ในเชิงที่ให้ความสำคัญกับศรัทธาของศาสนาใด แต่อยู่ที่การเคารพสิทธิเสรีภาพของตนเองและเพื่อนร่วมสังคม
น.ส.ลักขณา ยังกล่าวเพิ่มเติมในหัวข้อรัฐศาสนาและรัฐโลกวิสัย http://shows.voicetv.co.th/kid-len-hen-tang/33434.html พร้อมยกตัวอย่างจากบทความ ด้วยว่า โดยหลักของรัฐธรรมนูญเองก็กำหนดไว้แล้วชัดเจนว่าคนไทยมีสิทธิ์ที่จะเลือกนับถือศาสนาใดก็ได้ แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าศาสนาพุทธถูกหยิบยกขึ้นมาให้อยู่เหนือกว่าศาสนาอื่นเสมอมา โดยนำเอาวันสำคัญทางศาสนาพุทธมาเป็นวันหยุดแห่งชาติ ตนเห็นว่า นี่คือความเป็นรัฐศาสนาโดยแอบแฝง ทุกอย่างอิงอยู่กับความสำคัญทางพุทธศาสนา รวมทั้งรัฐพิธีทั้งหลาย อย่างประเทศญี่ปุ่นก็ถือเป็นรัฐโลกวิสัยจริงๆ ที่นำหลักปฏิบัติจากหลายศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน อย่างวัดก็ใช้เป็นแค่สถานที่ท่องเที่ยว หรือใช้ทางพิธีกรรม อย่างคนที่ไม่มีศาสนาก็ไม่ได้คลั่งไคล้วัตถุนิยม ซึ่งต่างกับประเทศไทย ส่วนศาสนาทำให้คนเป็นคนดีก็ถือว่าไม่จริง เพราะความชั่วอย่างมโหฬารมันขึ้นอยู่กับคนที่ไม่อยู่ในสถานะที่ถูกการตรวจสอบต่างหาก ความคลั่งในศาสนาก็นำไปสู่สงครามได้ ความชั่วมันเกิดมาจากการขาดความรับผิดชอบต่อสังคม การบังคับกับศาสนาไม่ใช่เรื่องผิดแต่ควรทำกับคนที่ศรัทธาเท่านั้น
จากนั้นเมื่อวันที่ 14 มี.ค.พระครูวินัยธรธีรวิทย์ ฉันทวิชโช ผู้ช่วยเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือต่อ น.ส.ลีลาวดี วัชโลบล ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบเทปรายการดังกล่าว โดยเห็นว่า มีเนื้อหาลบหลู่พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์โดยวิพากษ์นโยบายการสวดมนต์ข้ามปี การให้วัดพระเป็นวันหยุด และการนำธงชาติ ธงพระประมาภิไธย และธงธรรมจักร มาประกอบรัฐพิธี ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่เข้าใจหลักธรรมที่แท้จริง อีกทั้งยังนำเสนอเฉพาะความเห็นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ให้พื้นที่ความคิดเห็นอีกฝั่งได้อย่างสมดุล จึงเกรงว่า จะทำให้เยาวชนไขว้เขวซึ่งเป็นอันตรายต่อสถาบันหลักทั้ง 2 สถาบัน ขณะที่ น.ส.ลีลาวดี ระบุว่า เตรียมนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมกรรมาธิการ ซึ่งหากมีการตรวจสอบก็คงต้องเชิญ น.ส.ลักขณา เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
ขณะที่ น.ส.ลักขณา ได้กล่าวตอบโต้ผ่านทางรายการดีว่าส์คาเฟ่ ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมวอยซ์ทีวี ว่า ตนไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะโต้แย้งใดๆ และตนคิดว่า นี่เป็นการกระทำที่ทำได้ในระบบประชาธิปไตย ทุกคนเหมื่อนรู้สึกว่าได้รับการกระทบกระเทือนก็ไปยื่นหนังสือ ก็ถือว่าเป็นการกระทำตามครรลองของกฎหมาย ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ แต่สำหรับคนที่ตั้งคำถามว่าลบหลู่คำสั่งสอนของพระพุทธศาสนาจริงหรือเปล่าก็ควรที่จะเข้าไปชมเทปรายการดังกล่าวก่อน ซึ่งตนพูดถึงแค่ความแตกต่างระหว่างรัฐฆราวาส กับรัฐศาสนา และประวัติศาสตร์ความเป็นมาของรัฐในประเทศต่างๆ มีกระบวนการอย่างไร แล้วรัฐไทยจัดอยู่ในรัฐไหนกันแน่
ทางด้าน พระมหาโชว์ ทัสสนีโย รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมพระพุทธศาสนาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวผ่านรายการกระแสโลก กระแสธรรม http://www.konthaiuk.eu/forum/index.php?topic=21192.0 (ช่วงที่ 53.48 น. - 62.39น.) ระบุถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า คือ คำผกานี่ชื่อเล่นเขาชื่อแขก และเขาก็พยายามบอกว่าเขาเป็นคนเสื้อแดง คือ เป็นคนโหนกระแสเก่ง อยากจะดังบางทีอย่างเรื่องของอากงก็ไปแก้ผ้า โชว์นมแล้วก็เขียนว่าอากง เป็นคนเหนือเป็นคนแม่ริม คือ ไปพูดวิพากษ์วิจารณ์ศาสนาอันนี้เป็นเรื่องอันตราย เคาตน์ดาวน์ไม่มีประโยชน์ การที่สอนศีลธรรมไม่มีประโยชน์ ประเทศไทยไม่ใช่มีศาสนาเดียว จะไปหยุดราชการวันสำคัญทางพุทธศาสนาทำไม สอนศีลธรรมแล้วมันเกิดประโยชน์อย่างไร โอ้ อย่างนี้มันคือการทำลายหัวข้อธรรม ทำลายพระพุทธรูปอย่างพระเกษมนี่ก็ไม่เท่าไหร่ สร้างใหม่ได้ แต่ทำลายหลักธรรมนี่อันตราย แต่เวลาเราทักท้วงไปก็บอกว่าว่าทุกศาสนาเลยไม่ใช่
“ถ้าบอกว่า การสวดมนต์ไม่มีประโยชน์ แล้วการละหมาดใช่เป็นการสวดมนต์หรือไม่ คุณลองไปแตะเขาหน่อยดิ ถ้าการละหมาด ก็คือ การสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า 5 เวลาของมุสลิมเนี่ย เขาละหมาด 5 ครั้ง คุณกล้าไปแตะเขาไหมเหล่า ทีพระพุทธรูป ทีพระสงฆ์นี่เขกกะโหลกเอาๆ แต่ของศาสนาอื่นนี่คุณไม่กล้าหรอกยายคำผกา ดูเรื่องอากงนี่คุณไปแก้ผ้าเอานมออกมานมก็เหี่ยวหัวก็ดำ อู้ย คือ ถ้ามันสวยก็พอดูหน่อย เมื่อวานเขาก็ไปโพสต์ว่าเป็นพระห่าอะไรวะมาพูดถึงหัวนม เอ้าก็กูเห็นน่ะ แต่มึงเอาออกเฟซบุ๊ก ออกประชาไท ทำไมจะไม่เห็น คำผกาก็เป็นแม่หม้าย คือ ถ้าแม่หม้ายทรงเครื่องเนี่ย มันไม่ดำขนาดนี้หรอก คือ ตัวน่ะน่าเกลียดแล้วยังมีพฤติกรรมน่าเกลียดอีก อย่าไปบอกว่าเป็นเสื้อแดง คือ มานี่เป็นการทำลายศาสนาโดยตรง แล้วถ้าบอกว่าสิทธิเสรีภาพ คือ การวิพากษ์วิจารณ์ได้เหมือนนาย ส.ศิวรักษ์ เนี่ย ไอ้พวกนี้ดังได้เพราะด่าพระ พิเรนทร์เพราะด่าพระ” พระมหาโชว์ กล่าว
พระมหาโชว์ กล่าวต่อว่า เวลาพูดก็ไม่คำนึงบอกว่าประเทศไทยไม่ได้มีศาสนาพุทธศาสนาเดียวควรจะเท่ากัน เอ้า ธนาคารอิสลามเขามีทำไมธนาคารพุทธไม่มีถ้าอย่างนั้น ธนาคารอิสลามเขามีกันทั่วประเทศและมีกฎหมายถึง 4 ฉบับ ของพุทธมีแค่ฉบับเดียว และไปบอกว่าญี่ปุ่นไม่มีศาสนา คุณไปเรียนญี่ปุ่นภาษาวิมาณอะไรยายคำผกา ไม่รู้ว่าศาสนาชินโตกับพุทธมหายานเนี่ยญี่ปุ่นที่เขามาประชุมประเทศไทยบุดดิทสัมมิทน่ะ มันไปเรียนแล้วเนี่ยเท่ากับเอามีดไปลับหินต่างประเทศเพื่อให้เกิดความคม ยายนี่พอไปแล้วเอาหินไปลับมีดขากลับแบกเอาหินมามีดทิ้งเอาไว้ที่ญี่ปุ่น จัญไรแท้ๆ ไปวิจารณ์บาทหลวงไหมเล่า ไปวิจารณ์โต๊ะครู โต๊ะอิหม่ามไหมเล่า ทีของพุทธอย่างพระเกษมถ้าเป็นศาสนาอื่นคงไม่อยู่อย่างนี้หรอก อันนี้โอ้ยด่าไฟแลบเสร้จแล้วบอกว่าเป็นชาวพุทธ ไม่มีเจตนาต้องการจะซักฟอก ต้องการจะแก้ปัญหา บ้าน่ะดิ นี่คือ การทำลาย ทำลายหลักธรรมเลย ถ้าเป็นศาสนาอื่นคุณไม่มานั่งเสนอหน้าอย่างนี้หรอก ชักลามปามมาถึงคำสอน ต้องเอาแบบมุสลิมบ้างถ้ามันใช้อย่างนี้ก็เผา เผามันสักรอบ คือ มันชอบความรุนแรงถึงจะหยุด ความยุติธรรม เหตุผลนี่ไม่เอา ไปวิพากษ์วิจารณ์ทำลายคนอื่นแล้วบอกว่าเป็นความชอบธรรม จัญไรแท้ๆ เขาอยู่มาเป็นไม่รู้กี่พันปีถ้าไม่ดีเขาคงอยู่ไม่ได้มาถึงวันนี้ ไอ้เราก็บอกว่าคุณโอ๊ค คุณเอม เจ้าของวอยซ์ทีวีมันควรปลดรายการจัญไรประเภทนี้ออก อย่าให้ชาวพุทธต้องไปประท้วงถึงคุณโอ๊ค คุณเอม เลย นี่มันด่าศาสนาแล้วบอกเป็นความชอบธรรมพ่อแม่มันสอนเอาไว้เหรอ คือ ใจกว้างมานานแล้วถึงได้โดยทำลายมาตั้งแต่ประเทศอินเดีย ตนขอให้กรรมาธิการเรียกไปตรวจสอบ สอบถาม และเรียกตนไปด้วย จะได้ถามกันตรงๆ บ้าบอด่าพระด่าเจ้าเป็นความชอบธรรมแล้วด่าแม่มันบ้างเป็นความชอบธรรมบ้างไหม