“ยิ่งลักษณ์” พบนักธุรกิจสหรัฐฯ ฟุ้งนักลงทุนมะกันสนใจขยายการลงทุนเพิ่ม ยันรัฐบาลไม่นิ่งนอใจ ห่วง ปชช. หลังราคาน้ำมันขยับตัวสูงต่อเนื่อง สั่งกระทรวงพลังงานติดตามใกล้ชิด รับยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือระยะสั้น เพราะเป็นห่วงกระทบมาตรการระยะยาว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดโอกาสให้คณะนักธุรกิจสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐอเมริกา นำโดยนายอเล็กซ์ ฟีลด์แมน ประธานสภาธุรกิจอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ได้นำคณะผู้บริหารจากบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ เกือบ 100 คน เข้าเยี่ยมคารวะและหารือการค้าการลงทุนว่า นักลงทุนจากกลุ่มประเทศอเมริกามีความสนใจที่จะลงทุนในกลุ่มอาเซียน ซึ่งปกติจะพบกันเป็นรายปีอยู่แล้ว และครั้งนี้ถือว่านักธุรกิจที่มามีจำนวนมากประมาณ 90 กว่าคน 50 กว่าบริษัท โดยนักธุรกิจกลุ่มนี้ต้องการรับฟังความมั่นใจเรื่องนโยบายต่างๆ ที่ดำเนินไป ซึ่งส่วนใหญ่หัวข้อที่คุยกันนักลงทุนสนใจที่จะลงทุนเพิ่ม จึงเป็นลักษณะของการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมทั้งความร่วมมือกัน หลังจากนี้จะให้แต่ละกลุ่มของอุตสาหกรรมประสานรายละเอียดต่อจากรัฐมนตรีเพื่อหารือในรายละเอียดลงไป เพื่อเป็นการสนับสนุนระหว่างกันให้เกิดการค้าการลงทุนมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ำมันและก๊าซ ส่งผลทำให้สินค้าราคาแพง และล่าสุดผู้ประกอบการรถร่วมบริการขนส่งมวลชน (บขส.) และรถแท็กซี่เตรียมขอปรับขึ้นราคาค่าโดยสาร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า วันนี้ปัญหาเรื่องน้ำมันถือเป็นเรื่องที่เราเป็นห่วง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ขณะนี้นายอารักษ์ ชลธารนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อหาวิธีการและแนวทาง ถ้ามีข้อสรุปคงจะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป ขอกราบเรียนว่าหัวข้อปัญหาราคาน้ำมันหรือค่าครองชีพเป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงและพยายามดูในรายละเอียด ซึ่งบางครั้งจะต้องลงไปทำงานในขั้นตอนการปฏิบัติก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นจะมีมาตรการอะไรออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนเพื่อผ่อนเบารับภาระหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เดี๋ยวคงจะดูซึ่งเราคงต้องทำทั้งสองอย่าง คือ มาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาว แต่การที่เราจะไปตัดสินใจเร็วแก้ปัญหามาตรการระยะสั้น โดยไม่มองมาตรการระยะยาวจะทำให้เราเดินทางไปไม่ถูกวิธี ทั้งนี้ เรื่องการรณรงค์ประหยัดพลังงานและเสริมพลังงานทดแทนจะเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะนำเข้ามารณรงค์ให้เกิดอย่างจริงจัง
ต่อข้อถามว่า ห่วงกันว่าการยกเลิกกองทุนน้ำมันจะทำให้เกิดปัญหาตามมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ข้อสรุปทางกระทรวงพลังงานยังศึกษาอยู่ คงต้องนำมาหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) อีกครั้ง ขอดูผลกระทบก่อนเพราะเรายังไม่ได้ตัดสินใจตรงนั้น
ด้าน นายอเล็กซ์ ฟีลด์แมน (Alex Feldman) ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ อาเซียน กล่าวถึงการพบปะพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า วันนี้ได้นำเอาบริษัทของสหรัฐฯจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ที่รวมตัวกันและมาหารือกับรัฐบาลไทย ทั้งภาคพลังงาน ภาคเกษตรกรรม รวมทั้งสาธารณสุข เช่น กูเกิล เอทีแอนด์ที เป็นต้น ซึ่งในเดือน ต.ค. 2554 ที่เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศไทยทางสภาธุรกิจสหรัฐฯอาเซียน และบริษัทต่างๆได้ร่วมกันช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งการหารือวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยและชี้แจงถึงการแก้ไขปัญหา การป้องกันน้ำท่วมและแผนบริหารจัดการน้ำ โดยนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงถึงการจัดสรรปัจจัยพื้นฐานในการป้องกัน ซึ่งรายละเอียดคงต้องพูดคุยกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.คลังอีกครั้ง เมื่อถามว่าแล้วมีความมั่นใจแค่ไหนต่อแผนดังกล่าวของรัฐบาลไทย ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯ อาเซียน กล่าวว่า “แน่นอน เชื่อมั่น แต่กำลังดูในรายละเอียดอีกครั้ง”
นายอเล็กซ์กล่าวอีกว่า การพูดคุยกันในวันนี้ได้เน้นถึงหนทางที่บริษัทต่างๆของสหรัฐฯ เข้ามาสร้างปฏิสัมพันธ์ในประเทศไทยได้มากขึ้น รวมถึงการช่วยเหลือประเทศไทยในการฟื้นฟูหลังน้ำท่วม และอยากเห็นเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตต่อไป โดยมีบริษัทของทางสหรัฐฯเข้ามาร่วมลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น เมื่อถามว่ามีข้อเสนออะไรเป็นพิเศษที่ต้องการให้ประเทศไทยอำนวยความสะดวกในการลงทุน ประธานสภาธุรกิจสหรัฐอาเซียน กล่าวว่า ยังไม่ได้ลงไปในรายละเอียด แต่ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีว่าจะมีการเริ่มต้นหารือในหลายๆ เรื่องโดยน่าจะมีการจัดตั้งเป็นกลุ่มงาน (WORKING GROUP) เป็นกลุ่มย่อยๆ ขึ้นมา เช่น ในเรื่องของการศึกษาอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
เมื่อถามว่ามีประเด็นใดบ้างที่คิดว่ายังเป็นปัญหาในการลงทุนในประเทศไทย ประธานสภาธุรกิจสหรัฐฯอาเซียน กล่าวว่า ยังเป็นช่วงเริ่มต้นยังต้องมีการพูดคุยกันอีกมากในหลายๆ เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยเหลือ เพราะสหรัฐฯ เองก็มีอุตสาหกรรมในหลายๆ ด้าน