xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” ขัดแย้ง “เพรียวพันธ์” เรื่องไม่น่าเชื่อแต่ก็เกิดขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ไหนๆ ก็ผ่านเรื่อง ว.5 บนชั้น 7 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ไปได้แล้ว และเวลานี้นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็บินลัดฟ้าไปญี่ปุ่น เพื่อชี้แจงสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนที่นั่น ส่วนผลจะออกมาอย่างไรก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วันก็มีอดีตนายกฯ “มาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปโชว์วิสัยทัศน์ชิงตัดหน้าไปแล้ว

สรุปก็คือเวลานี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ทำให้คนบางคนอาจ “ว่างงาน” ชั่วขณะ เพราะไม่ต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนชี้แจงทั้งในและนอกสภา อีกทั้งงานตำรวจเรื่อง “จับยาบ้า” ต่อไปนี้ก็อาจไม่จำเป็นต้องออกหน้าแถลงเองก็ได้ ส่วนจะมีสาเหตุจากอะไรนั้นก็ต้องติดตามกันโดยพลันดังต่อไปนี้

หากแยกพิจารณาเฉพาะรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ถือว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ที่ก่อนหน้านี้ถือว่า “ขึ้นหม้อ” ล้ำหน้ากว่าใคร เพราะถ้าสังเกตมาตั้งแต่เริ่มฟอร์มรัฐบาลใหม่ๆ มาจนถึงเมื่อราว 2-3 สัปดาห์ก่อน ก็ต้องยอมรับว่าบทบาทของเขาไม่ต่างจาก “นายกฯ คนที่สอง” น่าอิจฉาจริงๆ

ไล่เรียงกันไปทีละเรื่องมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ที่ได้รับมอบอำนาจนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) และผลักดัน “พี่เมียนาย” คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สำเร็จ ทุกอย่างก็ปลดล็อกสามารถสร้าง “รัฐตำรวจ” ขึ้นมาใหม่ มีการแต่งตั้งเครือญาติใกล้ชิด เช่น “หลานเขย” พจมาน ณ ป้อมเพชร คือ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง มาเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมทั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่บางคนหลุดวงโคจร แม้แต่บางคนเคยถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งลงโทษจากเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนในกรณี “7 ตุลา” จนต้องออกจากราชการ กระทั่งมีการเปลี่ยนชื่อแล้วกลับเข้ามารับราชการใหม่ และเชื่อว่าหากรัฐบาลชุดนี้ยังอยู่คนพวกนี้ก็จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

นั่นเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของ ร.ต.อ.เฉลิม ตั้งแต่เริ่มต้น ขณะเดียวกันคู่แข่งในเส้นทางไม่ว่าจะเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่ชีวิตต้องระหกระเหินเข้ามาเป็นประธานศูนย์ประสานงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ก็เริ่มเดี้ยงมาตั้งแต่นั้น หรือก่อนหน้านั้น ก็เคยมีชื่อ “นักรบห้องแอร์” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่จนบัดนี้หายหัวไปเลย ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง หรือแม้แต่ “เจ๊หน่อย” ที่ชื่อดันไปพ้องกับ “อีหน่อย” คนหนึ่งที่ตามข่าวบอกว่าเฉลิมเคยสบถออกมาเป็นคู่กัดในสนามกรุงเทพฯก็ยังไปไม่เป็นมาจนถึงปัจจุบัน

นั่นเป็นบทบาทและความเคลื่อนไหวของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ถูกมองว่ากำลัง “คับบ้านคับเมือง” ก็ลองคิดดูแล้วกันว่าขนาดเรื่องส่วนตัวของนายกฯบนชั้น 7 ที่โรงแรงโฟร์ซีซั่นส์ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ แท้ๆ ยังมอบหมายให้ เฉลิม ชี้แจงแทน มาอธิบายเป็นฉากๆ ทำราวกันว่าไปอยู่ด้วยกันในวันนั้น แต่ที่น่าจับตามากที่สุดก็เห็นจะเป็นวันที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่บทบาทสำคัญมาอยู่ที่เขาอย่างเต็มที่ชนิดที่เรียกว่า “กลบ” คนอื่นจนด้อยค่าไปทั้งหมด แม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่เป็นเจ้าของเรื่องโดยตรงก็ไม่มีความหมาย

แต่ก็อย่างว่า คนเราบางครั้งเมื่อขึ้นสู่จุดสูงเร็วก็ร่วงลงเร็วได้เหมือนกัน ประกอบกับนิสัยที่ชอบคุยโม้โอ้อวด บางครั้งเหมือนกับว่ามี “ปมด้อย” อะไรสักอย่างจึงต้องการลบทิ้งสิ่งเหล่านั้นก็ไม่อาจทราบได้ แต่มันก็ทำให้เกิดการหมั่นไส้ไปทั่ว บางคนถึงกับบอกว่าระวัง “จะเหลิง” เพราะจะพาพังกันหมด ซึ่งพฤติกรรมในสภาวันนั้นที่ถูกมองว่า “เมาหนัก” ทำให้ป่วน เกิดเสียงวิจารณ์กันไปทั่ว

อย่างไรก็ดี ที่น่าสังเกตก็คือ หลังจากนั้นก็กลายเป็นช่วงที่ “ผิดปกติ” ของเฉลิม ไปอย่างไม่น่าเชื่อ มีทั้งเรื่องภาพที่มีชายคนหนึ่งนั่งลงสวมรองเท้าให้เขาแพร่กระจายว่อนเน็ต เกิดคำถามเรื่องความเหมาะสม ว่าตกลงว่าแบบนี้เป็นไพร่หรืออำมาตย์กันแน่

ข่าวที่น่าจะสร้างความหวาดเสียวให้กับอนาคตทางการเมืองของเขามากที่สุดก็คือ ข่าวขัดแย้งกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ นั่นแหละ ได้ยินตอนแรกก็ยังนั่งหัวเราะไม่หายว่ามันจะ “เป็นไปได้อย่างไร” แต่เมื่อมานั่งคิดตั้งสติและคิดทบทวนแบ็กกราวด์ตามลักษณะนิสัยมองอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นไปได้เหมือนกัน โดยเฉพาะพอ “มีอำนาจแล้วเหลิง” ทำให้ “หน้ามืด” สำคัญตัวเองผิด และเมื่อเมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดมันก็เริ่มเข้าเค้า หลังจากเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนที่มีการเปิดงานวันต้านยาเสพติดระดับเยาวชน ที่มีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไปร่วมงาน แต่ขาด ร.ต.อ.เฉลิม ที่เป็นแม่งานมันจะเป็นได้อย่างไร แม้จะอ้างภายหลังว่าเจ็บคอและเป็นงานเด็กๆ นั้นมันก็ฟังทะแม่งอยู่นะ

ว่ากันว่า สาเหตุที่เริ่มขัดคอกันมาจากเรื่องการแต่งตั้งตำแหน่งหลักในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ เฉลิม ก็คิดว่าตัวเองก็ใหญ่ต้องการดันคนใกล้ชิดของตัวเองขึ้นมา แต่ติดขัดที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ไม่เอาด้วย เรื่องก็เลยคาราคาซังมาเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็สะสมความไม่ไว้ใจต่อกันมากขึ้น สังเกตได้ว่าระยะหลังทั้งคู่ไม่ได้ติดกันเป็นตังเมคู่หูกันเหมือนเดิม ต่างคนต่างไป รวมไปถึงได้เห็นอาการ “หน้าแดง” จากการอ้างว่า “ออกกำลังกาย” อยู่เรื่อยๆนั่นแหละ และทำให้เห็นว่า เฉลิม เริ่มมีอาการ “หมอง” มากจนผิดปกติ

ดังนั้น ข่าวความขัดแย้งระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ที่ในตอนแรกคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อพิจารณาสังเกตจากอาการห่างเหินมากขึ้นในระยะหลังมันก็ยิ่งเข้าเค้าเป็นจริงมากขึ้น และที่สำคัญถ้ามันเข้าใกล้ความจริงมากเท่าไหร่นั่นก็หมายความว่า อนาคตทางการเมืองของเขาที่เริ่มต้นด้วยความแรงปรู๊ดปร๊าด เริ่มอ่อนแรงและมีโอกาสดับวูบลงอย่างไม่น่าเชื่อก็เป็นได้!!

กำลังโหลดความคิดเห็น