xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ“ปูนิ่ม”เปิดช่องให้“เหลิม-เหลิง” ออกลายเดิม เพิ่มดีกรีป่วน !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไม่ว่าเป็นเพราะควานหาทั้งพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลไม่เจอใคร หรือว่าเป็นเพราะไปโม้เอาไว้มาก แล้วอาสารับงานใหญ่มาทำก็ไม่อาจรู้ได้ หรือเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ทำให้รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กำลังกลายเป็นคนที่ “ใช้อำนาจ” มากที่สุดในรัฐบาล ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมไปถึงใช้อำนาจมากที่สุดในสภา ในนามพรรคเพื่อไทย อีกด้วย
หลายคนอาจมีการวิเคราะห์ตรงกันว่า เป็นเพราะ “ความเขี้ยว” และการรู้จักฉกฉวยโอกาสเข้ามาอาศัยในพรรคเพื่อไทย ในช่วงจังหวะที่พวกระดับ “แถวหนึ่ง- แถวสอง” ต้องถูกสั่งเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่ยุบพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคพลังประชาชน ทำให้บุคคลที่อยู่ในระนาบเดียวกัน ทั้งที่เคยขับเคี่ยวมาด้วยกัน หรือเคียงคู่กันมา ต้องออกไปนั่งดูข้างเวทีอยู่ชั่วคราวอย่างเช่นในปัจจุบัน
คนอย่างเฉลิมรู้ดีว่า ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติบรรดาพวกแกนนำพรรคไทยรักไทยเดิมสามารถโลดแล่นอยู่ในเวทีการเมืองได้ มันก็ย่อมเป็นหนทางตันสำหรับตัวเขา ที่จะสอดแทรกเข้ามาได้ง่ายอย่างเช่นทุกวันนี้ อีกทั้งถ้าให้ใช้บารมีของตัวเองก็ยังถือว่า ไม่มีราคาพอ เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ตัวเองยังลงทุนทำพรรคมวลชน ก็ได้ ส.ส.อยู่ในราว 3-6 คน อยู่ประมาณนี้ และหากพิจารณากันตามความเป็นจริง ส่วนใหญ่ก็จะเอาตัวรอดมาได้แค่ 1-2 คนเท่านั้น
** นั่นคือศักยภาพที่แท้จริงทางการเมืองส่วนตัวของ เฉลิม อยู่บำรุง
แต่ด้วยความที่ปากมาก มีลีลาท่าทางในการพูดน่าสนใจ และเลียนแบบมาจาก สมัคร สุนทรเวช เพียงแต่แตกต่างในรายละเอียด ที่มักมีเสียงร่ำลือในเรื่อง “นักแบล็กเมล์” ทำให้ต้องถูกดึงเข้ามาร่วมอยู่ในวงจรอำนาจไม่ได้ขาด หวังจะปิดปากไม่ให้พูดมาก
แต่ขณะเดียวกันมันก็เหมือนกับเป็นดาบสองคม เพราะอีกด้านด้วยบุคลิกลักษณะขี้โม้ “กร่าง” หรือที่เรียกว่า “แอ็กอาร์ต” ทำให้กลายเป็น “ชนวน” สร้างความหมั่นไส้ไปทั่ว ดังตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล “น้าชาติ” พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ จนเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของการรัฐประหารของ รสช. เมื่อหลายปีก่อน
หากย้อนดูแบ็กกราวด์อีกนิดหนึ่ง ในช่วงเวลานี้หากพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับรู้ก็คือยุคที่ ร.ต.อ.เฉลิม กำลังกร่างสุดขีด และได้รับมอบหมายอำนาจจาก พล.อ.ชาติชาย ที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้ทำการแทนในหลายเรื่อง คล้ายๆ กับในปัจจุบันที่ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังใช้ให้ทำภารกิจหลายอย่างแทนตัว เพียงแต่ว่าเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของคนสั่งนั้นแตกต่างกัน
**กรณีของพล.อ.ชาติชาย นั้นไม่อยากเปลืองตัว หรือนำตัวเองไปเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรง แต่สำหรับในยุคของนายกฯยิ่งลักษณ์นั้น ความจำเป็นอาจต่างกันในเรื่องสติปัญญา หรือสมองสั่งการ ก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี หากว่าไปแล้ว เมื่อย้อนกลับไปดูแบ็กกราวด์ความสัมพันธ์ระหว่าง เฉลิม กับ ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของรัฐบาลชุดปัจจุบัน นั้นระหว่างคนสองคน ก็ไม่ได้ถือว่าแนบแน่นกันมาอะไรนัก ตรงกันข้าม ถือว่าอยู่ในระดับหมางเมินกันด้วยซ้ำ เพราะในฐานะที่ ทักษิณ ยังเป็นนักธุรกิจประเภท เอสเอ็มอี ต้องวิ่งเต้นขอสัมปทานจากนักการเมือง หากจำกันได้ เมื่อครั้งทำธุรกิจเคเบิ้ลทีวี ต้องไปพินอบพิเทา เฉลิม ที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ คุม อสมท.ในตอนนั้นประเภทต้องซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยไปนั่งรออยู่หน้าห้องเป็นชั่วโมง กว่าจะได้เข้าพบ เป็นใครก็ต้องจำเหตุการณ์ได้ดี
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ว่า ในยุคแรกที่ยังจูนความจำกันไม่ลงตัวทำให้ เฉลิม ต้องถูกกันออกมาอยู่วงนอกมานาน แต่เป็นเพราะหมดหนทาง หันไปทางไหนหาคนรับใช้ที่มีประสบการณ์ไม่มี ประกอบกับเวลาไล่หลังเข้ามา รวมทั้งมีคนเข้าไปรับอาสาพูดจากเป่าหูให้เคลิบเคลิ้ม ทำให้ต้องตัดใจใช้บริการ และนี่คือที่มาของการให้บทบาทสำคัญกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในแทบทุกเรื่องในรัฐบาลนี้หรือเปล่า
ที่ผ่านมาหลังจากรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับมอบอำนาจนายกรัฐมนตรีเข้ามานั่งเป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีวาระผลักดัน “พี่เมีย” ทักษิณ คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสำเร็จ จากนั้นก็นำไปสู่การแต่งตั้ง “หลานเขย” พจมาน ณ ป้อมเพชร์ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง เป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รวมไปถึงตำแหน่งอื่นๆ ที่สำคัญเอาไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ
ที่น่าสังเกตก็คือนับวัน ร.ต.อ.เฉลิม ได้เข้ามามีบทบาทในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ มากขึ้นทั้งเรื่องในฐานะการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ทั้งในรัฐบาล และในสภา ทำให้เวลานี้แทบจะเรียกได้ว่า จะกลบความสำคัญของรัฐมนตรีคนอื่นไปหมดแล้ว
เห็นได้ชัดจากการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างฉบับใหม่ที่มีเป้าหมายเพื่อลบล้างความผิดให้ ทักษิณ เดิมนั้นน่าจะเป็นหน้าที่ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก แต่ก็โดนเบียดจมน้ำไปเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนี้ ก็ยังมีวาระที่ประกาศเอาไว้ล่วงหน้าก็คือ เตรียมรับหน้าที่เสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองฯ ร่นระยะเวลาช่วย นายทักษิณ ให้เร็วขึ้นไปอีก
สำคัญแค่ไหนลองนึกดูเอาก็แล้วกันว่า ขนาดเรื่องส่วนตัว “ลับเฉพาะ” ที่โรงแรมโฟร์ซีซันส์ ที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ไปพบกับนักธุรกิจอสังหาฯอย่าง เศรษฐา ทวีสิน เมื่อหลายวันก่อน ก็ยังมอบหมายให้ เฉลิม แถลงชี้แจง ล่าสุดได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลหน่วยงานด้าน “การข่าว” รุกคืบเข้ามาดูแลด้านความมั่นคงเพิ่มเข้ามาอีก ใหญ่แค่ไหน ลองคิดดู
แต่อีกด้านหนึ่งถ้าลองย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ในอดีต ก็มักมีคนพูดกันว่า อย่าปล่อยให้เหลิมได้มีอำนาจเป็นอันขาด เพราะไม่เช่นนั้นจะ“เหลิง” สร้างความปั่นป่วนให้กับบ้านเมือง ซึ่งถ้าพิจารณาจากเหตุการณ์หลายอย่างที่กำลังปรากฏ ทั้งในสภาและนอกสภา มันก็เริ่มเห็นบรรยากาศเก่าที่เริ่มกลับเข้ามาอีก หลังจากเหลิมเริ่มหลงตัวเอง คิดว่ามีอำนาจคับบ้านคับเมืองอีกครั้ง
**ขณะเดียวกันมันก็เริ่มเห็นสัญญาณเป็นชนวนทำให้เจ้าของอำนาจตัวจริงต้องตกเก้าอี้ได้เร็วขึ้นเหมือนกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น