“พิภพ” ชี้ “สมศักดิ์” เสนอยุติล่ารายชื่อแก้มาตรา 112 เหตุรู้ดีเวลานี้ถึงทางตัน เชื่อถอยเพื่อรอจังหวะเหมาะสม พร้อมระบุพันธมิตรพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เป็นเครื่องมือพรรคใดพรรคหนึ่ง - ยืนหยัดในสันติวิธี เป็นสิ่งที่ทำให้พันธมิตรฯมีความหมายกับสังคมไทย
วันที่ 2 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ผศ.จำรูญ ณ ระนอง อดีตประธานสภาคณาจารย์และนายกสโมสรอาจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แลกเปลี่ยนทัศนะในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
จากกรณีนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อ้างเหตุชกนายวรเจตน์อาจส่งผลถึงความปลอดภัย จึงเสนอให้ครก.112 ยุติการล่ารายชื่อเพื่อแก้มาตรา 112 โดยนายพิภพกล่าวว่า ทางยุทธศาสตร์นายสมศักดิ์ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เมื่อเห็นว่าการเสนอเรื่องนี้ไม่สามารถไปได้ เลยถอย เพราะกลัวไปกลบประเด็นเรื่องอื่นที่เจ้าตัวต้องการแก้ไขเปลี่ยนแปลง เขารู้ดีว่าถ้าเดินเรื่องนี้ ในจังหวะนี้จะถึงทางตัน และทำให้สิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงไม่สำเร็จ
การเสนอของกลุ่มนิติราษฎร์นั้นมีความผิดพลาด เนื่องจากเสนอทั้งแก้มาตรา 112 แล้วยังแก้รัฐธรรมนูญอีก บวกกับข้อเสนออื่นๆ ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ปนกันหลายเรื่อง มาตรา 112 เลยถูกกลืนไป
นายพิภพกล่าวอีกว่า คณะนิติราษฎร์และครก.112 บิดเบือนบางคดีเพื่อเอามาเป็นประเด็น จริงๆ แล้วมาตรา 112 มีทั้งชั้นตำรวจไตร่ตรองก่อนส่งอัยการ เมื่อถึงอัยการแล้วก็ต้องกลั่นกรองอีกว่าจะส่งเรื่องถึงศาลหรือไม่ จากนั้นศาลก็มีถึง 3 ชั้น แต่พวกนี้เคลื่อนไหวจนกระทั่งต่างชาติเข้าใจผิด เห็นว่ามาตรา 112 ดูน่ากลัว โดยไม่ดูที่เนื้อหาว่าผู้กระทำผิดนั้นได้แสดงความอาฆาดมาดร้ายต่อสถาบันฯจริง ซึ่งนักวิชาการกลุ่มนี้พูดไม่หมด มีเจตนาลดความเลื่อมใสที่มีต่อสถาบันฯให้น้อยลง ตามหลักวิชาการแล้วควรพูดให้ครบถ้วน
นายพิภพยังกล่าวด้วยว่า นัดประชุมวันที่ 10 มีนาคมนี้ สังคมอยากรู้ท่าทีของพันธมิตรฯ แสดงว่าพันธมิตรฯยังมีความหมายต่อสังคม สิ่งที่ทำมาทั้ง 193 และ 158 วัน เห็นแล้วว่าชุมนุมอย่างสงบสันติ สังคมได้เรียนรู้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์หรือเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์หรือทักษิณ เมื่อทำผิด พันธมิตรฯก็พร้อมจะบอก เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง รวมถึงการยืนหยัดในเรื่องสันติวิธี แม้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงอย่างไรก็ไม่เคยถอยหนี และไม่เคยโต้กลับด้วยความรุนแรง สิ่งเหล่านี้ทำให้พันธมิตรฯ มีความหมายกับสังคมไทย
ทางด้าน ผศ.จำรูญกล่าวว่า กรณีชกนายวรเจตน์ เรื่องนี้อย่าหลงกลกลุ่มที่ต้องการความรุนแรง แยกให้ออก ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน คนที่ทำกับกลุ่มที่ตัวเองไม่ชอบ ได้ใช้อาวุธ เพราะเขาคิดว่าได้ผลทำให้คนอื่นกลัว เลยทำเต็มที่
ทีนี้หวนกลับมาดูคนชกนายวรเจตน์ ไม่ได้ใช้อาวุธทั้งๆ ที่เป็นคนเล่นปืน แน่นอนตนไม่สนับสนุนใช้ความรุนแรง ควรใช้ปัญญาโต้กัน แต่ว่าก็มีจุดของแต่ละคน อาจไปแตะในสิ่งที่ทนไม่ได้ และที่อ้างว่าคนชกนั้นใช้ความรุนแรง แล้วหมัด ปืน เอ็ม 79 อันไหนรุนแรงกว่า แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่ต้านนิติราษฎร์รวมถึงตนด้วย ไม่ใช้ความรุนแรง และไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรง
