ตร.ชนะสงครามเข้าตรวจค้นบ้านพักสองพี่น้องฝาแฝดใน จ.ปทุมธานี พบอาวุธปืนมีทะเบียนถูกต้อง ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายและไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลใด เชื่อก่อเหตุจากความแค้นส่วนตัว เบื้องต้น ตร.รอผลตรวจทางการแพทย์ของนายวรเจตน์ หากแพทย์ระบุสาหัสก็จะแจ้งข้อหาเพิ่ม ก่อนนำตัวส่งฟ้องศาลแขวงดุสิต ให้พิจารณาโทษ
วันนี้ (2 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ณฐกร คุ้มทรัพย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายสุพจน์ ศิลารัตน์ และนายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี พี่น้องฝาแฝด ที่ก่อเหตุต่อยนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ บริเวณลานจอดรถภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนเข้ามอบตัว ฝ่ายสืบสวนได้เข้าตรวจสอบบ้านพักของผู้ต้องหา ที่บ้านเลขที่ 12/382 หมู่ 4 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งมีการพบอาวุธปืนแต่ก็มีทะเบียนถูกต้องทุกกระบอก ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด และไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่เคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน แต่ก่อเหตุเนื่องจากความโกรธแค้นส่วนตัว
พ.ต.ท.ณฐกรกล่าวถึงการดำเนินคดีว่า เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ เนื่องจากมีหลักฐานจากภาพกล้องวงจรปิดว่า ผู้ต้องหามาดักรอเพื่อทำร้ายนายวรเจตน์ที่มหาวิทยาลัยตั้งแต่ช่วงเช้าก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกาย โดยทางตำรวจต้องนำผู้ต้องหาทั้ง 2 คนส่งฟ้องยังศาลแขวงดุสิตให้พิจารณาโทษ เนื่องจากเป็นคดีอาญา แต่ต้องรอผลการตรวจทางการแพทย์เกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของนายวรเจตน์ไปประกอบด้วย
พ.ต.ท.ณฐกรกล่าวอีกว่า นายวรเจตน์จะเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา ในวันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.) เพื่อให้แพทย์ตรวจอาการอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งขอใบผลการตรวจจากแพทย์เพื่อนำมาเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี เพื่อพิจารณาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ซึ่งถ้าหากผลตรวจระบุว่าบาดเจ็บสาหัสก็ต้องแจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งมีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 10 ปี ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาอีก 1-2 วัน ถึงทราบผลตรวจ ส่วนผู้ต้องหาทั้งสองไม่จำเป็นต้องเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากให้การรับสารภาพหมดแล้ว รวมทั้งไม่ต้องสอบพยานเพิ่มเติมแต่อย่างใด