เครือข่ายแม้วทำปืนลั่น เปลือยธาตุแท้ ย่ำยีศาล-ล้างผิดตามใจชอบ!!

ผ่าประเด็นร้อน

มองอีกมุมหนึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกันที่การออกมาแสดงความเห็นของ วัฒนา เมืองสุข อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองนาน 5 ปี เปิดเผยให้สังคมรับรู้ว่าต้องการให้ยุบทิ้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมไปถึงองค์กรอิสระอื่นๆเป็นต้น เพราะทำให้ได้เห็น “ธาตุแท้” หรือความต้องการของคนพวกนี้ที่พยายามซุกซ่อนเก็บงำอยู่ภายในเผยออกมาให้คนภายนอกได้เห็นได้รับรู้เสียก่อน

ที่ต้องบอกว่ามีความน่าสนใจเนื่องมาจากเมื่อพิจารณาตัวบุคคลที่ออกมาพูดก็คือ วัฒนา เมืองสุข นาทีนี้ถือว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะใน “วงการ” รับรู้กันดีว่า เขานี่แหละทำตัวเป็น “ผู้ประสานงาน” ทั่วไป รับงานมาจาก “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เที่ยววิ่งรอกเข้าออกที่นั่นที่นี่นานนับเดือน เที่ยวหยั่งกระแสสอบถามท่าทีว่ามีความเห็นอย่างไรหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนที่รัฐสภาจะมีการลงมติแก้ไขมาตรา 291 นำไปสู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อมารื้อทั้งฉบับในวันหน้า

ดังนั้นด้วยบทบาทของวัฒนาก็ต้องยอมรับว่า เป็นตัว “เดินเรื่อง”ที่สำคัญใช้ได้เหมือนกัน หากรับรู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี มีบทบาทในรัฐบาลและในสภาในเรื่องการผลักดันร่างแก้ไข ตัวเขานี่แหละที่ทำหน้าที่ประสานทุกฝ่ายภายนอกสภา ซึ่งเดินคู่ขนานกันไป นอกเหนือจากเรื่องมวลชนคนเสื้อแดง ที่แยกกันเล่นอีกบทบาทหนึ่ง แต่มีเป้าหมายปลายทางเดียวกัน

คำพูดของวัฒนาดังกล่าวทำให้หลายคนในสังคมหูผึ่ง ตาสว่างขึ้นมาทันทีว่า แท้ที่จริงแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อ้อ ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าการฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญด้วยวิธีการ “อำพราง”ภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตยทุนสามานย์ แล้วร่างขึ้นมาใหม่นั้นแท้ที่จริงแล้วก็มีเป้าประสงค์สำคัญเพื่อลบล้างความผิดของพวกนักการเมืองบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งหากทำแบบนั้นได้ ก็ต้องลิดรอนหรือล้างอำนาจศาลรวมไปถึงองค์กรตรวจสอบอื่นๆ ทิ้งไปเสียก่อน

หากว่าไปแล้ว นักการเมืองพวกนี้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมี ทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวเรือใหญ่ กำลังได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เข้มงวด คอยตรวจสอบจนไม่อาจกระดิกตัวได้สะดวก จนคนพวกนี้รู้สึกทุรนทุราย พยายามดิ้นรนทำทุกทางเพื่อรื้อใหม่ หวังปลดล็อกพันธนาการออกมาให้ได้

สรุปก็คือนักการเมือง ซึ่งความหมายก็คือเฉพาะนักการเมืองที่ “ทุจริตฉ้อฉล” เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ซึ่งข้ออ้างมีเพียงเรื่องเดียวคือว่าเป็นรัฐธรรมนูญ “เผด็จการ” โดยไม่พูดถึงเนื้อหาสาระเปรียบเทียบว่าดีหรือไม่ดีอย่างไรบ้าง

คำพูดของ วัฒนา เมืองสุข ดังกล่าวที่ระบุออกมา หากเปรียบเทียบมันก็เหมือนกับการ “ทำปืนลั่น” ขึ้นมาเสียก่อน ทำให้สังคมได้หันมามองเป็นจุดเดียว ทำให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของคนพวกนี้ว่าต้องการอะไร ทำให้มีการเปิดโปงให้เห็นกันก่อนเสียแต่เนิ่นๆ

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ทั้งในพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลต่างพยายามออกมา “เบรก”กันจนตัวโก่ง โดยเฉพาะ รองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ต้องบอกว่านั่นเป็นแค่ความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่มติพรรค รวมทั้งพยายามดึงให้กลับมาสู่ “มายา” แบบเดิมคือ ให้เป็นเรื่องของ ส.ส.ร.ที่ไม่มีใครไปแทรกแซงได้ ที่สำคัญหนทางอีกยาวไกล ซึ่งหากมองอย่างรู้ทันก็คือใช้วิธีการแบบปิดลับไม่ให้เห็นร่องรอยตั้งแต่ต้น แต่จะใช้วิธีมา “เปิดเอาตอนจบ” เพราะเชื่อว่าถึงตอนนั้นไม่มีใครตั้งตัวทันแล้ว ต้องปล่อยเลยตามเลยประมาณนั้น เหมือนกับในช่วงที่ผ่านมาก็เก็บเงียบทำไม่รู้ไม่เห็นโยนไปที่สภาท่าเดียว

การเก็บอาการไม่อยู่ยังสะท้อนผ่านออกมาจากนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สังคมทั่วไปรับรู้ว่าไม่ต้องไปถามเรื่องเนื้อหาสาระ เพราะไม่มีประโยชน์ หรือเมื่อหนีไม่ออกก็ใช้ลูกสูตรคือโยนให้คนนั้นคนนี้ตอบ หรือถ้าเป็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญเธอก็บอกว่าเป็นเรื่องของสภา แต่คราวนี้เมื่อความแตกจากการที่วัฒนาปูดออกมา ทำให้ต้องมีการเขียนสคริปต์ให้ท่องว่า “ไม่แก้ทั้งฉบับ ไม่แตะสถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าถ้าไปแก้ทั้งฉบับมันก็ขัดรัฐธรรมนูญเสี่ยงต่อการถูกถอดถอน ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือใช้วิธีแบบ “ศรีธนญชัย” คงใว้ในบางหมวด แต่สาระสำคัญในเรื่องอำนาจศาล องค์กรอิสระจะรื้อใหม่ทั้งหมด และอย่างหลังนี่แหละที่ต้องไปกระทบกับ “พระราชอำนาจ” อย่างเลี่ยงไม่ได้

การที่ทั้งพรรคเพื่อไทยรีบออกเป็นมติพรรคว่าไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ หรือที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขทั้งฉบับ รวมไปถึงการที่ ร.ต.อ.เฉลิม พยายามชี้ให้เห็นว่าหนทางยังอีกยาวไกล เพราะยังไม่มี ส.ส.ร.พูดทำนองว่าไม่มีใครแทรกแซงได้ ความหมายก็คือต้องเร่ง “เบรกเกม”ไม่ให้บานปลายออกไป ไม่ให้คนทั่วไปได้เห็นความต้องการที่ซุกซ่อนอยู่ภายในออกมาให้เห็นก่อนกำหนด เสี่ยงพังทั้งขบวน

แต่ถึงอย่างไรการที่ วัฒนา เมืองสุข ออกมาโพล่งหลุดปากออกมาให้เห็นเสียก่อน งานนี้มันก็ช่วยไม่ได้ที่สังคมต้องตื่นตัว และจับตามองทุกฝีก้าว แม้ว่ามีคนไม่น้อยที่คิดเอาไว้ล่วงหน้าแบบรู้ทันแล้วว่ามันก็ต้องออกมาแบบนี้วันยังค่ำ เพราะนี่แหละคือความต้องการแท้จริงของ ทักษิณ ชินวัตร กับพวก!!