อดีต ส.ว.มั่นใจแก้ รธน.เหลว เตรียมยื่นอัยการฟัน

“วรินทร์” มั่นใจล้มรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จแน่นอน ชี้แก้มาตรา 291 ขัดทั้งรัฐธรรมนูญ-กฎหมายจริยธรรม เตรียมยื่นอัยการสูงสุดเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา พร้อมท้าอัยการทำหน้าที่ ไม่เช่นนั้นรอถูกถอดถอนได้เลย โต้ “วัฒนา” เสนอยุบ 2 ศาล เหตุกลัวถูกยุบพรรค


วันที่ 28 ก.พ. เมื่อเวลา 20.30 น. นายวรินทร์ เทียมจรัส อดีต ส.ว.สรรหา และ และ ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล ประธานสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะ ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ASTV

นายวรินทร์กล่าวว่า การผ่านมาตรา 291 ครั้งนี้ เป็นกระบวนการประกอบอาชญากรรมทางการเมืองร่วมกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ ซึ่งมาตรา 291 นี้ไม่ได้ให้อำนาจในการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เลย แต่บอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญทำได้ภายใต้หลักเกณฑ์ และวิธีการดังต่อไปนี้ โดยคนเสนอคือ ครม.และ ส.ส. 1 ใน 5 ของสภาผู้แทนฯ หรือ ส.ส.และ ส.ว.1 ใน 5 ของรัฐสภา หรือประชาชนเข้าชื่อ 5 หมื่นชื่อ ถ้าบอกว่าเลือกช่องทางที่เสนอโดยรัฐบาล-ส.ว.-ส.ส. โดยไม่รอประชาชน 5 หมื่นชื่อก็ผิดแล้ว

นายวรินทร์กล่าวต่อว่า กระบวนการที่ช่วยกันผ่านมาตรา 291 นี้ 399 คน เตรียมตกงานได้เลย เพราะแก้รัฐธรรมนูญโดยไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 291 ซึ่งการผ่าน 291 นี้ จะถูกโอนไปที่มาตรา 68 เรื่องพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เท่ากับล้มรัฐธรรมนูญทั้งหมด จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 68 วรรค 2 โดยใครรู้ว่ามีการล้มล้างให้ไปร้องต่ออัยการ และให้อัยการไต่สวนแล้วส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ให้กระบวนการนี้หยุด แล้วคนที่ทำต้องรับโทษทั้งทางแพ่งและอาญา

สำหรับ ส.ส.-ส.ว.จะโดนมาตรา 123 ด้วย เวลาเข้าเป็นสมาชิกรัฐสภา ต้องปฏิญาณว่าจะรักษาและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ นอกจากโทษทางอาญา โทษทางการเมือง จะโดนโทษทางจริยธรรมมาตรา 279 ด้วย เตรียมหาเงินประกันตัวไว้ด้วย เพราะถึงตอนนั้นใช้สิทธิ ส.ส.-ส.ว. ประกันตัวไม่ได้ เพราะสมาชิกภาพขาดไปแล้ว เป็นความผิดสำเร็จแล้ว หลังรับร่างแสดงว่าทุกคนตกลงแล้วว่าจะล้มรัฐธรรมนูญ

อดีต ส.ว.กล่าวอีกว่า การที่มาตรา 291 ระบุว่า “ภายใต้หลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้..” ไม่มีตรงไหนให้แก้มาตรา 291 เลย ตนพยายามหาช่องแล้วแต่มันไปไม่ได้ ทำไมรัฐธรรมนูญถึงเขียนอย่างนี้ ก็เพราะมาตรา 6 บังคับ บอกว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎหมายข้อบังคับใดจะขัดรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะหากแก้ได้ง่ายๆ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็จะหลุดไปหมดเลย แล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร นี่คือหลักการสำคัญที่มาตรา 6 รับรองอยู่ อีกทั้งมาตรา 291เป็นหลักเกณฑ์และวิธีการ ไปแก้ตัวนี้แล้วจะเอาตัวไหนมาทำ มันไม่ใช่ตัวเนื้อหา ตีความอย่างไรก็ไปไม่ได้

และหากอ้างโดยเทียบกับตอนปี 40 ที่ไม่มีช่องให้ยกร่างได้เช่นกัน เลยใช้การแก้มาตรา 211แต่มันต่างกันตรงที่ตอนปี 40 สิทธิรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนแยกออกมา คือเขียนลอยๆไว้ในกฎหมายอาญาและคำปรารภ แต่คราวนี้แยกสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญไว้เป็นเนื้อหาออกมาเลย แล้วเขียนโทษชัดเจนถึงขั้นยุบพรรคด้วย ที่เลวร้ายที่สุด ส.ส.-ส.ว.ตลอดจนรัฐมนตรี อ้างว่าอำนาจเป็นของปวงชนชาวไทยตามาตรา 3 แต่กลับไม่ฟังประชาชน 5 หมื่นชื่อที่เสนอกฎหมาย

นายวรินทร์ยังกล่าวว่า มาตรา 68 วรรค 2 บอกว่าให้เสนอคำร้องต่ออัยการสูงสุด ใครก็เสนอได้ ซึ่งตนทำร่างแล้ว เหลือแค่ใส่ชื่อใครที่ต้องโดนสอบสวน งานนี้ไต่สวนง่ายมาก แค่ดูว่ามีการบรรจุวาระหรือไม่ แล้วใครลงมติบ้าง เอาเอกสารมารวมส่งศาลได้เลย แต่ถ้าอัยการเบี้ยวไม่ทำ ก็ถอดถอนอัยการ วัดดวงไปเลย อัยการจะไม่ทำก็แล้วแต่ ส่วนอีกเด้งหนึ่งก็คือเรื่องจรรยาบรรณ และเรื่องการละเว้นการทำหน้าที่ อันนี้เป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินฯ

นายวรินทร์กล่าวอีกว่า การพิจารณาวาระ 2 ต้องพิจารณาเรียงมาตรา เสร็จแล้วทิ้งเวลาไว้ 15 วัน จากนั้นพิจารณาวาระ 3 เสร็จแล้ว จะไปอยู่ภายใต้มาตรา 150-151 คือรอเวลาที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ตัวนี้ตนยังงงเลย ข้ามขั้นตอนไปตั้งกรรมาธิการเลย ถือว่ากฎหมายนี้สมบูรณ์แล้ว อันนี้มันผิดหลัก แค่กระบวนการตรากฎหมายก็ไม่ชอบแล้ว

“ผมมองว่ามันแท้ง มันไม่เกิดหรอก กระบวนการไม่ถึงขั้นตั้ง ส.ส.ร. ถ้าดันทุรังถึงตรงนั้นมันจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแน่นอน ถ้าวาระ 3 ผ่าน จะไปค้างที่ศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน นี่คือดุลอำนาจ ที่ฝ่ายยุติธรรมต้องทำ”

อันนี้คือที่มาของการที่นายวัฒนา เมืองสุข (ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย) เสนอให้ยุบศาลรัฐธรรมนูญ เพราะวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญให้คุณให้โทษกับนักการเมือง แน่นอนลางร้ายเกิดขึ้น ท้ายที่สุดจะโดนยุบพรรค และเหตุที่คิดว่ายุบศาลรัฐธรรมนูญ และศาลปกครองไปรวมไว้ในศาลฎีกา จะควบคุมได้ นั่นก็เพราะว่าทุกวันนี้ศาลฎีกาทำงานไม่ทัน คดีบานเบอะ บางคดี 10-20 ปียังไม่พิจารณาเลย แล้วจะไปเปิดแผนกได้อย่างไร และการที่จะเอา 2 ศาลนี้มาเป็นแผนกเล็กๆ ก็เพื่อซื้อได้ง่าย

ส่วนที่อ้างว่าฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ ตรวจสอบตุลาการไม่ได้ มันตรวจไม่ได้อยู่แล้ว เพราะถ้ามาแทรกแซง ก็จะใช้ดุลยพินิจไม่ได้ ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งตุลาการนั้นมีระบบตรวจสอบอยู่แล้ว แต่เป็นการตรวจสอบภายใน มีคณะกรรมการตรวจสอบ มีการเลือกสรรขึ้นมา มีประมวลจริยธรรมควบคุม มีตัวแทนของกระทรวงต่างๆ จาก ส.ว. สภาทนายความ นั่งในคณะกรรมการด้วย ถ้าให้ทุกคนไปตรวจสอบได้อย่างนั้น ดุลยพินิจไม่เกิด ความลับในคดีไม่เกิด ฉะนั้นอย่าโกหกชาวบ้าน

ด้าน ผศ.ทวี กล่าวถึงข้อเสนอยุบ 2 ศาลว่า เป็นการสมคบคิดกันชัดเจน วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน ตนได้เรียกว่าเป็นนิติบัญญัติรัฐประหาร การที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกเป็นความเห็นส่วนตัว ตนไม่เชื่อ แน่นอนแล้วว่าเป็นกระบวนการต้องการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา

ตนเชื่อมาโดยตลอดว่าการแก้รัฐธรรมนูญอาจไม่สำเร็จ ปัญหามีมาก ประชาชนต้องเคลื่อนไหวต่อสู้แน่นอน ประเด็นความขัดแย้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเสื้อแดงก็เตรียมมวลชนไว้เหมือนกัน เพื่อรอรับมือ ตรงนี้ที่น่ากลัวและจะทำให้ไม่สำเร็จ