วิปรัฐ โยน ปปง.เร่งดันร่าง กม.ฟอกเงินเข้าสภาฯ หวังลบครหา FATF “อุดมเดช” รับร่างของ ส.ส.เพื่อไทย มีปัญหา ลิดรอนสิทธิ ปชช.มากเกินไป ด้าน “ชลน่าน” คาด 1-2 สัปดาห์นี้ ปปง.ร่างเสร็จ ก่อนนำเข้าที่ประชุม ครม.
วันนี้ (27 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอุดมเดช รัตนเสถียร ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวภายหลังการประชุมวิปรัฐบาล ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือระเบียบวาระการประชุมที่จะสู่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค.นี้ รวมไปถึงที่ประชุมได้พิจารณาในเรื่องผลของการดำเนินการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน เมื่อปี 2552 สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ การรับทราบเรื่องที่วุฒิสภาลงมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว รวมไปถึงการพิจารณาเกี่ยวกับการจัดตั้งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร และเรื่องร่าง พ.ร.บ.ดูแลคนพิการ
นายอุดมเดช กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ฉบับที่... พ.ศ.... ที่เสนอโดย น.ส.ธีรารัตน์ สำเร็จวานิช ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทยและคณะ ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองประธานวิปรัฐบาล ที่ดูแลฝ่ายกฎหมาย ให้ไปดูในรายละเอียดแล้วพบว่ามีหลายมาตราที่ริดรอนสิทธิของประชาชน ในขณะที่ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยืนยันว่า ร่างกฎหมายของ ปปง. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนคณะอนุกรรมการกฎหมายหลังจากที่ร่างเสร็จแล้วจะส่งให้วิปรัฐบาลพิจารณาอีกครั้ง เพื่อที่ดำเนินการออกกฎหมายฉบับนี้ มาดูแลในกรณีที่ประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงิน
นายอุดมเดช กล่าวอีกว่า ในขั้นต้นเพื่อให้การทำธุรกรรมของภาคเอกชนที่เกี่ยวกับธุรกิจระหว่างประเทศ เช่น สมาคมธนาคารไทย และสมาคมอุตสาหกรรม เป็นต้น ที่ส่งจดหมายมาเร่งรัดให้รัฐบาลออกกฎหมายให้เป็นสากล เป็นที่ยอมรับกับนานาชาติ เราก็เร่งรัดให้มีการดำเนินการตามนั้น ซึ่งในส่วนนี้ได้ขอให้เลขาฯ ปปง.ไปดูว่า มีกฎหมายอะไรบ้างที่มีความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อที่จะให้องค์กรระหว่างประเทศเหล่านี้ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบรับรองให้ประเทศไทยได้อยู่ในประเทศที่อยู่ในการเฝ้าระวังในเรื่องกฎหมายฟอกเงินและการฟอกเงินเพื่อนำไปใช้ในก่อการร้ายก็จะให้รีบดำเนินการก่อน
เมื่อถามว่า ในประเด็นที่มีการลิดรอนสิทธิประชาชนมีอะไรบ้าง นายอุดมเดช กล่าวว่า โดยหลักแล้วเป็นเรื่องการเข้าไปตรวจสอบการฝากเงิน ซึ่งแต่เดิมกฎหมายของ ปปง.มีระบุอยู่แล้ว เช่น ผู้ใดนำเงินมาฝากเกิน 2 ล้านบาทต้องแจ้งที่มา แต่ในหลังๆมานี้หากมีผู้นำเงินมาฝากเกิน 1 ล้านบาทก็ต้องแจ้งที่มา ซึ่งเมื่อไปดูในรายละเอียด จะเกี่ยวโยงกับสหกรณ์ และสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราก็เกรงว่าจะเป็นการริดรอนสิทธิของประชาชนมากเกินไป
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการวิปรัฐบาล กล่าวเพิ่มเติมว่า จากที่ได้เชิญ เลขาฯ ปปง.มาร่วมหารือ และชี้แจงทำความเข้าใจพบว่า ร่างกฎหมายที่เสนอโดย ที่เสนอโดย น.ส.ธีรารัตน์ มีลักษณะเป็นการตรากฎหมายขึ้นใหม่ทั้งฉบับ มีมากถึง 110 มาตรา หากนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณานานกว่า 1 ปี ซึ่งไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ในเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อสงสัยของนานาชาติ เพราะในความเป็นจริง คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน หรือ FATF ได้ตั้งข้อสังเกตมายังประเทศไทยเพียงแค่ให้ปรับปรุงกฎหมายป้องกันการฟอกเงินเพิ่มเติม 13 มูลฐานความผิดเท่านั้น
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ดังนั้นเพื่อเป็นการกระชับขั้นตอน และให้ตรงตามวัตถุประสงค์ในเบื้องต้น จึงได้กำชับให้ทาง เลขาฯ ปปง.นำเข้าบรรจุในร่างที่ทาง ปปง.กำลังดำเนินการร่างอยู่ เฉพาะที่มีความจำเป็นและสำคัญเร่งด่วนก่อน ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ข้อสงสัยของนานาชาติ ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามในส่วนร่างของ น.ส.ธีรารัตน์ ก็จะได้มีการแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับร่างของ ปปง. และนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรควบคู่กันไป
