xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จี้ “ปู-ค้อนปลอม” สอบ “เหลิม” เมา อย่าโบ้ยฝ่ายค้าน แนะทำเป็นบรรทัดฐาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.จี้ “ยิ่งลักษณ์-สมศักดิ์” สอบ “เฉลิม” เมาเข้าสภา ชี้กระทบภาพลักษณ์ต้องทำเป็นบรรทัดฐาน ยันไม่ใช่เรื่องแค่ฝ่ายค้าน จี้ทบทวนอย่านิ่งเฉย - รอดูรัฐรับข้อเสนอแก้ รธน.วาระสองหรือไม่ หยัน “นช.แม้ว” วิดีโอลิงก์มีแต่เรื่องของตัวเอง แนะหยุดสร้างความสับสน

วันนี้ (26 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร สอบพฤติกรรมของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่ดื่มสุราในระหว่างการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องรอให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ เพราะเป็นพฤติกรรมที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนฯ และเป็นหน้าที่ของนายกฯ และประธานสภาผู้แทนฯ ที่ควรจะดูแลเนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่กระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรสำคัญ อีกทั้งยังอยู่ในตำแหน่งสำคัญ คือรองนายกฯ และ ส.ส. จึงควรทำให้เป็นบรรทัดฐาน แต่หากไม่มีการดำเนินการอะไร น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ก็กำลังพิจารณาที่จะดำเนินการเพิ่มเติม แต่ในความคิดของตน ประธานสภาฯ และนายกฯ ควรดำนเนินการบางสิ่งบางอย่าง

ส่วนที่นายกฯ ระบุให้เป็นเรื่องฝ่ายค้านนั้น นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะส.ส และรองนายกฯ ไม่ใช่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เป็นของส่วนรวม คนที่อยู่ในตำแหน่งแต่มีพฤติรรมไม่เหมาะสม ผู้บังคับบัญชาก็ต้องดำเนินการ หากนายกฯ นิ่งเฉยในเรื่องนี้จะทำให้เป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีในสังคม จึงอยากให้ทบทวนและดำเนินการให้เกิดความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตนรู้สึกแปลกใจที่มีความพยายามจะทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก สับสน ทั้งที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว และคนที่ออกมาแถลงข่าวชี้แจงก็ไม่ได้อยู่ในสภา หากได้ดูการถ่ายทอดก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตนคิดว่าเราต้องพิจารณาถึงบรรทัดฐานและมาตรฐานสังคม ถ้าปล่อยไปปกติธรรมดาก็จะสะท้อนถึงมาตรฐานสังคมไทยที่จะร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วย

สำหรับกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมเตรียมแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้กล่าวหาว่าเมาสุรานั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้ายืนยันว่าไม่เมาก็ต้องมาดูพฤติกรรมว่าเหมาะสมหรือไม่ หากยืนยันว่าไม่เมาและมีพฤติกรรมเช่นนี้ ตนไม่ทราบว่าถ้าเมาจะขนาดไหน โดยเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ประชาชนไม่อยากเห็นพฤติกรรมแบบนี้ เพราะระหว่างประชุมไม่ได้มีปัญหา เป็นการอภิปรายภายใต้บรรยากาศที่ดีมาตลอด โดยรัฐบาลก็ตั้งใจที่จะไม่ให้บรรยากาศเสีย แต่เกิดพฤติกรรมอย่างนี้ขึ้นจนมีการตักเตือนกันเองด้วยซ้ำ

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาว่า จะมีคำตอบในวาระที่สองว่ารัฐบาลรับฟังข้อเสนอของฝ่ายค้านและ ส.ว.หรือไม่ เพราะจะมีการแปรญัตติในประเด็นหลักให้ชัดว่าหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 จะต้องไม่มีการแก้ไข และการทำรัฐธรรมนูญใหม่จะต้องไม่กระทบต่อความเป็นอิสระขององค์กรที่ตรวจสอบอำนาจรัฐและตุลาการ รวมถึงไม่ลบล้างความผิด หรือการใช้อำนาจขององค์กรตุลาการในอดีต ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์รัฐบาลว่าจะลงมติเห็นด้วยหรือไม่ หากไม่ยอมรับการแปรญัตติดังกล่าวก็ต้องตั้งคำถามว่า ที่รัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าไม่เป็นอย่างนั้นอย่างนี้เป็นความจริงหรือไม่

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการวิดีโอลิงก์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ ที่ระบุว่าองค์กรที่ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ควรมีอำนาจตัดสินคนที่มาจากประชาชนว่า พ.ต.ท.ทักษิณควรจะหยุดสร้างความสับสนให้ประชาชน เพราะคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้แปลว่ามีสิทธิดีกว่าคนทั่วไปในเรื่องของกฎหมาย หรือมีสิทธิจะโกง เมื่อนักการเมืองทำผิดก็เหมือนคนธรรมดาต้องให้ฝ่ายตุลาการตัดสิน

“เราต้องรอดูว่าที่ท่านยงยุทธ วิชัยดิษฐ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พยักหน้าทุกครั้งที่เราเสนอในสภา นอกจากพยักหน้าแล้วจะเห็นหรือไม่ และที่พูดว่าร่างรัฐธรรมนูญใหม่แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณจะได้กลับบ้านนั้น ความจริงไม่ต้องรอก็กลับได้ แต่ต้องอยู่ใต้กฎหมายและคำตัดสินของศาล” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การวิดีโอลิงก์ครั้งนี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เป็นบทเดิมของคนที่มีวาระเรื่องตัวเอง เพื่อขับเคลื่อนมวลชนของตนเอง แต่ก็มีความเป็นห่วงกรณีที่มีการปลุกมวลชนเสื้อแดงให้มาสนับสนุนว่าอาจเกิดปัญหาการเผชิญหน้ากับกลุ่มที่ต่อต้าน จึงอยากให้ชัดเจนว่ารัฐบาลตั้งธงต้องการอะไร ถ้าต้องการความปรองดองก็ต้องหยุดให้เกิดความขัดแย้งกัน ซึ่งพรรคได้เสนอทางออกแล้ว รวมทั้งจะมีการแปรญัตติในเรื่องที่มา ส.ส.ร. ถ้ารัฐบาลเห็นชอบความขัดแย้งก็หมดไป เชื่อว่าประชาชนไม่ติดใจที่จะมีการแก้รัฐธรรมนูญประเด็นอื่นโดยไม่แตะ 3 หมวด ความขัดแย้งก็ไม่มี

ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัย 2 พ.ร.ก.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลต้องขอบคุณศาล แต่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่า พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับช่วยลดหนี้สาธารณะลง 10 เปอร์เซ็นต์นั้นไม่จริง เพราะนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ ก็ยอมรับว่าหนี้สาธารณะไม่ได้ลดลง เพียงแต่เพิ่มแหล่งเงินใหม่นอกเหนือจากภาษีประชาชน ส่วนที่ ธปท.เตือนว่าหากยังดำเนินนโยบายสร้างหนี้เพิ่มภายใน 5 ปี อาจทำให้หนี้สาธารณะสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ตนยังเชื่อว่าหากกรอบการกู้ยืมเงินอยู่ในระดับที่ยังควบคุมได้ เพียงแต่การใช้จ่ายเงินไม่ได้อยู่ที่ปัญหาน้ำท่วม แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการจำนำพืชผลการเกษตรที่จะมีภาระผูกพันทำงบประมาณสูงทุกปี ที่น่าเสียใจคือ ขณะสร้างภาระด้านงบมาก แต่กลับไม่สำเร็จในการช่วยเกษตรกร ที่มีเสียงสะท้อนผู้ปลูกมันสำปะหลังมาร้องเรียนกับตนว่า ตอนนี้จำนำหมดทุกอย่างในบ้าน ยกเว้นมันสำปะหลังที่จำนำไม่ได้ เพราะโครงการของรัฐบาลไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ก็จะพบปัญหาการสวมสิทธิ์ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องแก้ไข ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลใช้จ่ายในโครงการรับจำนำโดยไม่ทบทวนที่สุดปัญหาจะลุกลามบานปลายออกไป จึงควรทบทวนนโยบายเหล่านี้ เพราะเป็นทางออกดีที่สุดไม่ให้ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤตหนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น