คปก.เพิ่งตื่น ยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ ให้เลื่อนการพิจารณาร่างแก้ไข รธน. จาก 23 ก.พ.ออกไปก่อน หวั่นที่มา ส.ส.ร.ทำร่าง รธน.ฉบับใหม่ไม่ชอบธรรม เกิดปัญหาความขัดแย้ง พร้อมเสนอให้เลือกตั้ง ส.ส.ร.ตามจำนวนประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งเหมือน ส.ว. และเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนระหว่างร่าง รธน. หลังร่างเสร็จให้ทำประชามติ ยืดระยะเวลาการการร่าง รธน.ออกไปเป็น 300 วัน
นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ได้ลงนามในหนังสือบันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเรื่องร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช.... ต่อประธานรัฐสภา เนื่องจากขณะนี้ได้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ต่อรัฐสภาจำนวน 6 ร่าง ประกอบด้วยร่างที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (โดยกระทรวงยุติธรรม) ร่างที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย ร่างที่เสนอโดยพรรคชาติไทยพัฒนา ร่างของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อีก 3 ฉบับ
คปก.ได้พิจารณาแล้วมีความเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะว่า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ทั้ง 6 ฉบับ ต่างกำหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มีที่มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรงเป็นส่วนใหญ่ และมีที่มาจากการคัดเลือก โดยประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์ และผู้มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน หรือการร่างรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนที่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน โดย ส.ส.ร.ทั้งสองส่วนมีจำนวนรวมตั้งแต่ 99 ถึง 379 คน คปก.เห็นว่า ประเด็นที่มาของ ส.ส.ร. เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นที่สำคัญของกระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เพราะหากที่มาของ ส.ส.ร.ได้รับการยอมรับจากประชาชนทุกฝ่ายที่มีอุดมการณ์และความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ย่อมส่งผลให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความชอบธรรมมากขึ้น
ดังนั้น คปก.เห็นว่าควรมีหลักการ ในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฯ ฉบับแก้ไข 3 ข้อ คือ 1. การกำหนดที่มาของ ส.ส.ร.ควรอยู่บนพื้นฐานความต้องการ และเป็นหลักประกันเพื่อให้ ส.ส.ร.มีความหลากหลายของบุคคลที่มีความแตกต่างในความคิดเห็น หรือกลุ่มทางการเมืองให้มากที่สุด โดยควรกำหนดให้จำนวน ส.ส.ร.มีจำนวนตามสัดส่วนประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เท่าเทียมกัน โดยกำหนดเขตจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งและให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกได้หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ซึ่งจะทำให้หนึ่งจังหวัดมี ส.ส.ร.ได้หลายคนตามสัดส่วนจำนวนประชากรที่มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการเช่นเดียวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540
2. คปก.มีข้อสังเกตว่า ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... แต่ละฉบับ ต่างกำหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในระหว่างการดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ และให้ลงประชามติหลังจากที่ ส.ส.ร. ได้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ โดยร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ของพรรคชาติไทยพัฒนากำหนดให้ทำประชามติเฉพาะกรณีที่รัฐสภาไม่ให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช ....)
คปก.เห็นว่าการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและการทำประชามติเป็นกระบวนการที่สำคัญและจำเป็นต้องมี หากการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องการให้ได้รัฐธรรมนูญที่เป็นที่ยอมรับ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง จึงมีข้อเสนอแนะว่าควรกำหนดให้กระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการทำประชามติเป็นช่องทางของการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชน ขณะเดียวกันในการกำหนดระยะเวลาสำหรับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญทั้งกระบวนการไม่ควรเร่งรัดระยะเวลาให้สั้นเกินไปอย่างที่เสนอไว้ 180ห รือ 240 วัน แต่ควรเป็นระยะเวลาที่ยาวกว่านั้น คือ 300 วัน
3. ตามที่ได้รับคำชี้แจงจากตัวแทนกระทรวงยุติธรรม ตัวแทนพรรคเพื่อไทย ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา และผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติมฯ ได้ทราบว่า รัฐสภามีกำหนดการจะพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ในวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์2555 ซึ่งจะทำให้การพิจารณาของรัฐสภาจำกัดอยู่เฉพาะร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ของรัฐบาล พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น เนื่องจากร่างของภาคประชาชนทั้ง 3 ฉบับที่เสนอต่อประธานรัฐสภายังไม่ได้รับการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าชื่อเสนอ
คปก.มีความเห็นว่า รัฐสภาควรปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 291 ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และถือเป็นความรับผิดชอบต่อเจตจำนงของประชาชนผู้เข้าชื่อเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญในการสนองตอบต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเสนอกฎหมาย
คปก.จึงขอเสนอให้ประธานรัฐสภาเลื่อนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ออกไปก่อน เพื่อรอให้กระบวนการตรวจสอบรายชื่อของผู้เข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ของประชาชนทั้ง 3 ฉบับแล้วเสร็จ เพื่อที่ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช ....โดยภาคประชาชนมีโอกาสได้รับการพิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตาม คปก.เห็นว่าประเทศไทยกำลังประสบกับปัญหาแนวทางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยที่แตกต่างกันจนนำไปสู่ปัญหาด้านต่างๆ รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่มีความรุนแรง ลึกซึ้งและกว้างขวางระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่ยังคงดำรงอยู่และยังไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงได้ แม้จะมีความพยายามแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่องจากหลายฝ่ายจึงเห็นว่า การเสนอและพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... ทุกฉบับโดยรัฐสภา และการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่หากเกิดขึ้น โดย ส.ส.ร.ส และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จึงควรมีเจตจำนงที่มุ่งไปเพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตยที่แท้จริงและเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่สามารถนำมาเป็นเครื่องมือหรือกลไกสำคัญเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ ไม่ใช่เป็นไปโดยมุ่งประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในระยะยาวและจะเป็นการเพิ่มปัญหาความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น
อนึ่ง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ในมาตรา 81 (3) บัญญัติให้มีกฎหมายเพื่อการจัดตั้งองค์กรเพื่อการปฏิรูปกฎหมายที่ดำเนินการเป็นอิสระเพื่อปรับปรุงและพัฒนากฎหมายของประเทศ รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนั้นประกอบด้วย ซึ่งต่อมามีการตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งองค์กรดังกล่าว คือ พระราชบัญญัติคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. 2553 กำหนดให้มีคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย โดยมีอำนาจในการปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ประกอบกับมีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนการตรากฎหมายที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามนโยบายและแผนการบริหารราชการแผ่นดิน