รองนายกฯ ยันไทยมีกฎหมาย ปปง.อยู่แล้ว ซัดเอฟเอทีเอฟแค่ที่ปรึกษาจี 7 ไม่ใช่เทวดา ยันต้องยึดกฎหมายสยาม ไม่ใช่ทำตามสั่ง เมินขึ้นบัญชีดำ ลั่นไม่มีรัฐไหนปกป้องธุรกิจสีเทาหรือดำ ไม่พูดบึ้ม แต่ย้ำรัฐดูแลได้ จวก ตร.หุบปาก ระบุไม่มียิว-เปอร์เซีย ร่วมสอบบอกแค่แจ้งเบาะแส แย้มพา “นช.แม้ว” กลับบ้านอยู่ใน พ.ร.บ.ปรองดอง ไม่ยัดใน รธน.ใหม่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง เฉลิม อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (23 ก.พ.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อการดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF ขึ้นบัญชีดำประเทศไทยที่ไม่ออกกฎหมายการฟอกเงินเพื่อป้องกันการฟอกเงินเพื่อการก่อการร้ายว่า องค์กรนี้ไม่ได้เป็นองค์กรของสหประชาชาติ ไม่ได้เป็นของ IMF และไม่ได้เป็นของธนาคารโลก เป็นเพียงที่ปรึกษาของกลุ่มจี 7 และอยากให้ทุกประเทศ มีกฎหมายจัดการธุรกิจสีเทาและสีดำ และก็ยึดทรัพย์ ซึ่งทางไทยกำลังพิจารณาอยู่เพราะว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. โดยมีบางมาตรามีอำนาจเหนือศาล ตนจึงให้กลับไปปรับเปลี่ยน จากนั้นได้ส่งกฤษฎีกาและทางเรายังไม่ได้บอกว่าจะทำหรือไม่
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ทั้งนี้ ปปง.มีสิทธิที่จะยึดทรัพย์อยู่แล้วในฐานความผิดการก่อการร้าย แต่จะให้ ปปง.มีอำนาจเหนือศาลไม่ได้ FATF ไม่ใช่เทวดา จะทำตามไม่ได้ ต้องยึดหลักกฎหมายไทย ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่จะต้องออกกฎหมายมารองรับ แต่ต้องอยู่ภายใต้ตามหลักนิติรัฐนิติธรรม ไม่ใช่ทำตาม FATF สั่ง อย่างไรก็ตาม ตนไม่สนใจที่ FATF ขึ้นบัญชีดำกับไทย และไม่มีรัฐบาลไหนที่จะปกป้องธุรกิจสีเทาหรือสีดำ จะต้องนำคนผิดมาลงโทษ รวมถึงจะเปิดโอกาสให้นักธุรกิจที่ไม่สบายใจเข้ามาพูดคุยกัน แต่ก็เกรงว่าหากมีการพูดคุยกันจะถูกมองว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนได้
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดที่ซอยสุขุมวิท 71 ว่า ขณะนี้จะไม่เปิดเผยในรายละเอียด แต่ยืนยันรัฐบาลดูแลสถานการณ์ได้ และจะไม่ทำให้เราตกอยู่ในสภาวะข้างใดข้างหนึ่ง เพราะการดำเนินการต้องยึดหลักเกณฑ์ ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยจากตำรวจว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมีการเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายสากล ขณะนี้ให้ทางตำรวจหยุดพูดแล้ว และยืนยันว่าไม่มีทั้งฝ่ายอิสราเอลและอิหร่านเข้ามาร่วมเป็นพนักงานสอบสวน ทำได้เพียงบอกเบาะแสเท่านั้น
ขณะที่กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ที่ตนพูดที่อุดรธานีว่าจะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีที่ดินรัชดาฯ กลับมาบ้านนั้น เป็นคนละเรื่องกันกับการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการพูดถึงร่าง พ.ร.บ.ปรองดองที่มี 6 มาตรา โดยจะมีการนำเสนอเมื่อบ้านเมืองมีความเข้าใจมากกว่านี้ ส่วนกรณีข้อเสนอของคณะปฏิรูปกฎหมาย ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ระบุหากทำเรื่องปรองดองในขณะนี้อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งนั้น ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะต่างคนมีหน้าที่ทำงาน